วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ประวัติโจ๊กเกอร์ และ ฮาร์เลย์ ควิน




แน่นอนว่าหลายคนที่ดู Batman เวอร์ชั่นล่าสุดที่นำแสดงโดยคริสเตียน เบล คงจะประทับใจในฝีมือการแสดงที่เหนือคำบรรยายของ ฮีธ เล็ธเจอร์ ในบทของโจ๊กเกอร์ และ ข้องใจในการตายปริศนาของผู้แสดง กระทั่งเกิดความสนใจในที่มาที่ไปอันลึกลับของตัวละครตัวนี้

อันที่จริงแล้วโจ๊กเกอร์ในเรื่อง Batman นั้นมีมากมายหลายเวอร์ชั่นและไม่มีชีวประวัติแน่ชัด เพราะแต่ละเวอร์ชั่นก็มีประวัติที่มาแตกต่างกันไป เช่น โจ๊กเกอร์ในBatman เวอร์ชั่นล่าสุดนั้นมีภูมิหลังเป็นเด็กที่ถูกพ่อทารุณกระทั่งกลายเป็นฆาตกรโรคจิตในที่สุด ส่วนเวอร์ชั่นที่แจ็ค นิโคสัน เล่นไว้นั้น โจ๊กเกอร์เดิมชื่อ แจ็ค เนเปียร์ เป็นหนึ่งในแก๊งมาเฟีย แต่ถ้าหากอ้างอิงจากผลงานกึ่งชีวประวัติโจ๊กเกอร์ เรื่องBatman :The killing joke ของ Brian Bolland นั้นเดิมโจ๊กเกอร์ก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่เดิมเคยทำงานหาเลี้ยงภรรยาเป็นผู้ช่วยในห้องทดลอง และเปลี่ยนงานมาทำงานสายเอนเตอร์เทน แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่มีใครขำมุขของเขา ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำทำให้เขาและภรรยาที่ท้องแก่ใกล้คลอดอยู่ในสภาพอัตคัต ต้องอาศัยอยู่ในห้องแบ่งเช่าโกโรโกโส แจ็คจึงตัดสินใจทำงานให้กับแก๊งมาเฟีย โดยหวังว่าจะเอาเงินมาจุนเจือครอบครัว


แก๊งมาเฟียให้แจ็คปลอมเป็นเรดฮูด เข้าบุกโรงงานยา แต่คืนก่อนปฏิบัติการแจ็คได้รับแจ้งว่า เจนนี่ ผู้เป็นภรรยาได้เสียชีวิตแล้วโดยอุบัติเหตุ แจ็คจึงไม่ต้องการที่จะปฏิบัติการต่อไป แต่ถูกแก๊งมาเฟียบังคับ ด้วยความเศร้า เหม่อลอย และ ไม่ทันระวัง ระหว่างบุกโรงงาน แจ๊คจึงพลัดตกลงไปในบ่อสารเคมี ทำให้ผิวกลายเป็นสีขาวเผือก ผมกลายเป็นสีเขียว และกลายเป็นบ้าในที่สุด

ชีวประวัติของโจ๊กเกอร์จาก Batman: The killing joke เล่มนี้เป็นต้นตำรับของโจ๊กเกอร์แทบทุกเวอร์ชั่นที่ถูกนำไปดัดแปลง แม้กระทั่งในเวอร์ชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ ฮีธ เล็ธเจอร์ เพราะจากบทสัมภาษณ์ ฮีธ ก็ได้อ้างอิงว่าศึกษาบทจากหนังสือเล่มนี้ ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัวแล้ว คิดว่าหนังสือเล่มนี้อาจมีส่วนต่อการเสียชีวิตของ ฮีธ ด้วยเพราะเนื้อเรื่องภายในค่อนข้างกดดัน และ มีการนำเสนอที่ ชวนหดหู่ ประกอบกับบุคลิกโดยทั่วไปของโจ๊กเกอร์จากแหล่งอื่นๆ ก็ล้วนแต่ดำมืด วิปริต เมื่อฮีธ ศึกษาตัวลครนี้ลึกลงไป และยิ่งต้องซึมซับเอาความคิดจิตใจของตัวละครมา เพื่อที่จะถ่ายทอดออกมาโดยการแสดง ก็เป็นไปได้ที่จะทำให้เขารู้สึกหดหู่ กดดัน และรู้สึกถึงความดำมืดวิปริตโดยตรง จนเป็นสาเหตุของการตาย

Harley Quin
เมื่อกล่าวถึงโจ๊กเกอร์แล้ว อีกคนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ย่อมเป็น ฮาร์เลย์ ควิน ตัวตลกหญิงที่มาเป็นคู่กันกับโจ๊กเกอร์ ฮาร์เลย์ ควิน เองก็มีชีวประวัติคลุมเคลือ และ ถูกดัดแปลงหลายฉบับเช่นเดียวกันกับโจ๊กเกอร์ แต่หลักๆแล้ว เธอมีชื่อจริงว่า ฮาร์ลีน ควินเซล เป็นจิตแพทย์หญิงที่มีความสามารถด้านยิมนาสติก และสำเร็จการศึกษาเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัย ก่อนจะมาทำงานที่ Arkham Asylum ซึ่งโจ๊กเกอร์ถูกคุมขังอยู่ในขณะนั้น ด้วยความทะเยอทะยาน ดร.ฮาร์ลีน ได้ทำวิจัยและพูดคุยกับโจ๊กเกอร์ตัวต่อตัว โดยไม่สนใจต่อคำเตือนของจิตแพทย์คนอื่นๆ ถึงความร้ายกาจของโจ๊กเกอร์ กระทั่งท้ายที่สุดจิตแพทย์สาว ก็หลงกล หลงคารม และ หลงรัก คนไข้โรคจิตของเธอจนถอนตัวไม่ขึ้น ถึงขนาดที่ยอมปล่อยโจ๊กเกอร์ออกจากสถานคุมขัง ในตอนท้ายของเรื่องนั้น หนังสือ เล่มที่กล่าวถึงชีวประวัติของ ฮาร์เลย์ ควิน เขียนต่างกัน จากเรื่อง Mad Love นั้นจบแบบเกือบๆ แฮปปี้เอนดิ้ง คือ โจ๊กเกอร์หนีไปได้ แต่ถูกจับกลับมาอีกในสภาพสะบักสะบอม ดร.ฮาร์ลีน จึงได้ตัดสินใจพาโจ๊กเกอร์หนีออกไปอยู่กินด้วยกัน (อย่างมีความสุขหรือเปล่าก็ไม่รู้....) ส่วนหนังสือเรื่อง Harley Quin นั้น หลังจากที่ ดร.ฮาร์ลีน ปล่อยโจ๊กเกอร์ออกไป ตัวเองก็ถูกจับ และพบว่ามีสภาพจิตไม่ปกติ จึงถูกกักขังไว้โดยได้แต่หวังลมๆแล้งๆว่าวันหนึ่งสุดที่รักของเธอจะหวนกลับมาช่วยเธอออกไป กระทั่งวันหนึ่งเกิดแผ่นดินไหว เธอจึงหนีออกมาได้ และ กลับมาหาโจ๊กเกอร์สุดที่รักของเธอได้ในที่สุด

ฮาร์เลย์ ควินนั้นเป็นตัวละครที่ดูไปแล้วแทบจะตลกร้ายกว่าโจ๊กเกอร์เองเสียอีก ตั้งแต่ชีวประวัติของเธอที่เป็นจิตแพทย์ แต่กลับหลงรักคนไข้โรคจิต และ กลายเป็นฆาตกรโรคจิตไปเสียเอง บุคลิกของฮาร์เลย์ นำเสนอบุคลิกของผู้หญิงทั่วไปที่เวลาที่มีความรัก เธอรักโจ๊กเกอร์หัวปักหัวปำ และตามเขาไปทุกที่ ความรักของเธอรุนแรงทำให้บางครั้งก็แค้นโจ๊กเกอร์ถึงขนาดจะฆ่าให้ตาย แต่พอโจ๊กเกอร์หยอดคำหวานก็หายเป็นปลิดทิ้ง

ความสัมพันธ์ระหว่างโจ๊กเกอร์และฮาร์เลย์ นั้นค่อนข้างซับซ้อน ในทุกเวอร์ชั่น โจ๊กเกอร์มักจะพยายามทุกวิถีทางที่จะสลัดฮาร์เลย์ทิ้งไป ทั้งย้ายหนีโดยไม่บอก ผลักให้แบทแมนจับ ถึงขนาดวางแผนฆ่าก็มี แต่สุดท้ายฮาร์เลย์ ก็กลับมาได้ทุกครั้ง โจ๊กเกอร์มักปฏิบัติกับฮาร์เลย์แบบซาร์ดิสม์ มือถึง เท้าถึง จะดีกับฮาร์เลย์ก็เฉพาะเวลาที่หลอกใช้ มีผลประโยชน์ แต่ลึกๆแล้วในใจโจ๊กเกอร์ก็น่าจะรักฮาร์เลย์อยู่เช่นกัน เหมือนกับว่ารำคาญ แต่ก็ขาดไม่ได้ อ้างอิงจากหลายๆเวอร์ชั่น เช่น Harley Quin ในตอนที่โจ๊กเกอร์หลอก ฮาร์เลย์ เข้าไปในร็อกเกต โจ๊กเกอร์คิดว่าฮาร์เลย์จะต้องตายแน่นอนจึงทิ้งเทปวีดีโอไว้ในร็อกเกต เผยความในใจว่าตลอดเวลาที่ฮาร์เลย์ตามมาอยู่ด้วยทำให้เกิดความรู้สึกอ่อนไหวในใจ และโจ๊กเกอร์เกลียดความรู้สึกแบบนี้จึงต้องฆ่าเธอซะ 

ความสัมพันธ์แบบบ้าๆ ของคนบ้าสองคน คล้ายกับจะสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักชายหญิงทั่วๆไปเวลาที่รักกันผู้หญิงมักจะยอมทุกอย่าง รักจริง แค้นจริง ส่วนผู้ชายนั้นรักอิสระ แต่จริงๆแล้วก็ไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้


 

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

กินเจช่วงคุมน้ำหนัก กินอย่างไรไม่ให้อ้วน

กินเจช่วงคุมน้ำหนัก กินอย่างไรไม่ให้อ้วน

กินเจช่วงคุมน้ำหนัก กินอย่างไรไม่ให้อ้วน
เทศกาลถือศีลกินเจ เวียนมาครบรอบปีอีกแล้ว ถือเป็นเทศกาลที่ได้รับความสนใจ ทั้งในหมู่คนไทยเชื้อสายจีนและคนทั่วไป เพราะหลายคนเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่จะได้งดการฆ่าและรักษาชีวิตสัตว์ที่มาเป็นอาหารให้กับเรา และยังเป็นช่วงเวลาที่เหมือนได้ทำ detox ล้างสารพิษต่างๆที่มาจากอาหารที่เราทานกันอย่างไม่ได้ยั้งคิดไปในตัว
การถือศีล กินเจ หรือ ประเพณีถือศีลกินผัก ถือเป็นประเพณีแบบลัทธิเต๋าโดยมีการปฏิบัติเคร่งครัดเรื่องการกิน รวม 9 วัน กำหนดเอาวันตามจันทรคติ คือ เริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนของทุกปี โดยมีจุดเริ่มต้นจากประเทศจีนและมีตำนานเล่าขานกันหลายตำนานตามแต่ความเชื่อของแต่ละพื้นที่
ในปัจจุบัน เทศกาลกินเจมักจัดขึ้นในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ตลอดจนหมู่เกาะรีออในอินโดนีเซียและอาจมีในบางประเทศในแถบเอเชีย เช่น ภูฏาน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง อีกด้วย

จุดประสงค์ของการกินเจ

การรับประทานเจนั้นต่างคนอาจมีจุดมุ่งหมายต่างกันไปตามแต่ความเชื่อ แต่สามารถแยกกลุ่มที่มีจุดประสงค์แตกต่างกันได้ดังนี้
การกินเพื่อสุขภาพ
อาหารเจถือว่าเป็นอาหารประเภทชีวจิตอย่างนึง เมื่อรับประทานติดต่อกันได้ตามระยะเวลา ก็จะทำให้ร่างกายเกิดสมดุล ทำให้ร่างกายปรับตัว สามารถขับสารพิษของเสียต่างๆออกจากร่างกายได้ ปรับระบบการไหลเวียนเลือด และระบบทางเดินอาหารให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การกินด้วยจิตเมตตา
การรับประทานอาหารเจ ตามความเชื่อเรื่องการทำบุญ ทำทานแก่สัตว์ร่วมโลก เนื่องจากอาหารที่เรากินอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ดังนั้น ผู้มีจิตเมตตา มีคุณธรรมและมีจิตสำนึกอันดีงามย่อมไม่อาจกินเลือดเนื้อของสัตว์เหล่านั้นซึ่งมีเลือดเนื้อ จิตใจ เช่นเดียวกับคนเรา จึงถือโอกาส ละเว้นการทานเนื้อสัตว์ในช่วงเวลานี้
การกินเพื่อละเว้นกรรม
สำหรับผู้ที่มีความเชื่อเรื่องบาปบุญ เวรกรรมจากภพภูมิที่แล้ว จะตระหนักว่าการกินโดยการฆ่าเพื่อเอาเลือดเนื้อผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นการสร้างกรรม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าเองก็ตาม การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างฆ่าเพราะถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย กรรมที่สร้างนี้จะติดตามสนองเราในไม่ช้าทำให้สุขภาพร่างกายอายุขัยของเราสั้นลงเป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อผู้หยั่งรู้เรื่องกฎแห่งกรรมนี้จึงหยุดกินหยุดฆ่า หันมารับประทานอาหารเจ ซึ่งทำให้ร่างกายเติบโตได้เหมือนกัน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น

ข้อบังคับของการกินเจ

ในช่วงเทศกาลนี้จำเป็นจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ทั้งการถือศีล พูดจาไพเราะ ไม่นินทาว่าร้าย นุ่งและแต่งกายด้วยชุดขาว(กรณีคนที่เคร่งมากๆ) นอกจากนี้ยังมีในส่วนของข้อห้ามต่างๆเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินดังนี้
การงดกินผักฉุนหรือผักที่มีกลิ่นแรง
ถึงแม้จะไม่ใช่เนื้อสัตว์ก็ยังมีผักบางชนิดที่ถือเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับการทานเจเนื่องจากเชื่อว่า ผักที่มีกลิ่นฉุนเหล่านี้ ให้โทษทำลายพลังธาตุในร่างกาย เป็นเหตุให้อวัยวะหลักที่สำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ
สำหรับผู้ปฏิบัติสมาธิกรรมฐานไม่ควรรับประทาน เพราะผักดังกล่าวมีฤทธิ์ กระตุ้นจิตใจและทำให้อารมณ์ให้เร่าร้อน ใจคอหงุดหงิด โกรธง่าย และยังมีผลทำให้พลังธาตุในร่างกายรวมตัวไม่ติด จิตใจจะไม่บริสุทธิ์ ซึ่งประกอบไปด้วยพืชผัก 5 ชนิด ได้แก่
  • ทุกส่วนของกระเทียม
  • ทุกส่วนของหัวหอม ต้นหอมทุกชนิด
  • หลักเกียว (ลักษณะคล้าย หัวกระเทียม แต่เล็กกว่า)
  • ใบ-ดอก กุ้ยช่าย
  • ใบยาสูบ (บุหรี่,ยาเส้น,ของเสพติดมึนเมา)
  • การงดกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด
ซึ่งแน่นอน เนื้อสัตว์เป็นสิ่งต้องห้ามหลัก เพราะ คนจีนเชื่อว่าก่อนตายสัตว์จะตกอยู่ในอาการตกใจกลัวเมื่อเรากินมันเข้าไป อาจจะทำให้เรามีบาปติดตัวไปด้วย เพราะมันคือสิ่งที่มีชีวิตเหมือนกับคน ข้อนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่คนจีนถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ไม่ควรทานอาหารรสจัด
เนื่องจากการทานอาหารรสจัด ไม่ว่า หวาน เผ็ด หรือเค็ม มากเกินไป ก็ล้วนแล้วแต่ไม่ส่งผลดีกับสุขภาพทั้งสิ้น ซึ่งข้อห้ามนี้ถือว่าถูกหลักของการแพทย์ในแผนปัจจุบัน และหลักการการลดน้ำหนักที่ถูกต้องอีกด้วย
ต้องกินอาหารที่ปรุงด้วยคนที่กินเจเท่านั้น
สำหรับข้อนี้ถ้าปฏิบัติได้จะถือว่าการทานเจนี้บริสุทธิ์จริงๆ เพราะอาหารได้ถูกปรุงขึ้นจากผู้บริสุทธิ์ แต่ด้วยปัจจุบัน สภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ข้อปฏิบัตินี้ก็สามารถอะลุ่มอล่วยกันได้ หลายๆคนจึงเอาสะดวก โดยให้เน้นข้อหลักไว้ก็เพียงพอแล้ว
จะต้องไม่ใช้ถ้วยชามปะปนกัน
เพราะการทานเจมีข้อกำหนดเคร่งครัดว่า จาน-ชามที่ใส่อาหารที่ไม่เจ ซึ่งชาวจีนเรียกว่า ชอ นั้น ไม่สามารถใช้ปะปนกับจาน-ชามที่ใช้ทานอาหารเจได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องล้างทำความสะอาดจาน- ชามในบ้าน ก่อนเทศกาลจะเริ่ม และใช้ไปตลอดช่วงเทศกาลไม่ปะปนกับจาน-ชามทั่วไป
งดเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด
ข้อถือเป็นอีกข้อที่เป็นไปตามหลักการถือศีลที่สำคัญ เพราะนอกจากการงดอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์แล้ว สิ่งที่สร้างความมึนเมาหรือสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้ขาดสติก็ห้ามนำเข้าสู่ร่างกายด้วย

กินเจเพื่อสุขภาพทานอย่างไรไม่ให้อ้วน

เรื่องใหญ่ เรื่องกังวลของคนที่กำลังลดน้ำหนัก หรือ อยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนัก ที่มีกับเทศกาลถือศีลกินผักนี้คือ กลัวว่าการทานเจ ที่มีแต่อาหารที่มีแป้งเป็นหลัก จะทำให้น้ำหนักจะขึ้น หรืออาหารเจจะทำให้อ้วน ซึ่งความจริงตามหลักการแล้ว อาหารทุกอย่างไม่ได้ทำให้อ้วน ขึ้นอยู่กับว่าเราทานมันมากเกินความพอดีหรือไม่ต่างหาก
ถึงแม้ว่าอาหารเจจะมีแป้งเป็นส่วนประกอบหลัก แต่หากเราเลือกและกะปริมาณอย่างพอดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่ต้องกังวลว่าการถือศีลกินผักจะทำให้โปรแกรมการลดน้ำหนักของเราล้มเหลว
ซึ่งเทคนิคของการเลือกอาหารเจให้ได้พลังงานที่เหมาะสมคือ พยายามหลีกเลี่ยงอาหารทอดทุกชนิด ทั้ง เผือกทอด เต้าหู้ทอด เปาะเปี๊ยะ ขนมอบ เบเกอรี่ต่างๆ อาหารแปรรูป ที่ทำรูปแบบคล้ายอาหารปรกติ เช่น หมู ไก่ เจ อาหารที่ปรุงรสจัด หวาน มัน เค็มจัดๆ หรืออาหารที่ผัดน้ำมันและอาหารที่ใส่กระทิมากๆ
เลือกอาหารที่มีผักเป็นส่วนประกอบหลัก โดยปรุงด้วยวิธีการ ต้ม นึ่ง เผา หรือย่าง หากคุณจำเป็นต้องพึ่งพาร้านอาหารสำเร็จรูปเป็นหลัก ให้ใส่ใจเลือกเมนูที่มันน้อยหน่อย หรือลดการทานน้ำที่มากับเมนูจานผัด และ แกงต่างๆ เพราะน้ำเหล่านั้นจะมีไขมัน น้ำตาลและเครื่องปรุงรสผสมอยู่
จำกัดปริมาณข้าวแป้งให้พอเหมาะ ตามสัดส่วนของพลังงาน และ ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายต้องการ  เพราะในอาหารเจส่วนมากจะมีการใส่โปรตีนเกษตร หรือ หมี่กึงที่ทำจากถั่วเหลือง ซึ่งมีทั้งโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตรวมกันอยู่ ซึ่งโปรตีนเกษตรก่อนปรุง ปริมาณ 100 กรัม จะให้โภชนาการดังนี้
พลังงาน366.38 kcal
โปรตีน49.76 กรัม
คาร์โบไฮเดรต (รวม crude fiber)40.89 กรัม
ใยอาหาร13.6 กรัม
ไขมัน0.42 กรัม
โซเดียม0.95 มก.
นอกจากนี้ควรเลือกทานข้าวกล้องข้าวหรือข้าวซ้อมมือแทนการทานข้าวขาว หรือ อาหารประเภทเส้นต่างๆ เพราะข้าวกล้องจะช่วยให้อิ่มนานและอยู่ท้องมากกว่า และ ช่วยลดความอยากทานอาหารระหว่างมื้อลงได้
อีกเคล็ดลับนึง ถ้าหากกลัวว่าอาหารเจสำเร็จรูปที่ขายอยู่จะมันมากเกินไป ควบคุมสารอาหารได้ยาก ให้ลองทำเมนูเจแบบง่ายๆทานเองที่บ้านโดยควบคุมส่วนผสม การใช้น้ำมันและเครื่องปรุงตามที่ต้องการ และที่สำคัญควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ส่วนเรื่องของโปรตีนนั้นไม่ต้องกังวลเพราะเต้าหู้และถั่วต่างๆให้โปรตีนสูงอยู่แล้ว หากมีอาการหิวบ่อยลองพกถั่วติดตัวไว้ทานเป็นของว่าง และกินครั้งละไม่มาก ไม่เกิน 1 อุ้งมือ แค่เพื่อไม่ให้หิวจัดเกินไป เพิ่มการทานผักที่ให้โปรตีนอย่างถั่วงอก ผักโขมผักปวยเล้ง ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขาดโปรตีนให้กล้ามระคายเคืองอีกด้วย
สุดท้าย จงทำใจให้สบายอย่าเครียดจนเกินไป ขอให้ทำให้เต็มที่เพราะเป็นระยะเวลาสั้นๆแค่ 9 วันเท่านั้น จะได้อิ่มบุญอย่างมีความสุขกันทั่วหน้าจะดีกว่า

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

ต่อสู้กับแดดกันเถอะ! 4 ข้อควรรู้ รักษาผิวสวยไม่ให้คล้ำเสียในฤดูร้อน

ต่อสู้กับแดดกันเถอะ! 4 ข้อควรรู้ รักษาผิวสวยไม่ให้คล้ำเสียในฤดูร้อน

ต่อสู้กับแดดกันเถอะ! 4 ข้อควรรู้ รักษาผิวสวยไม่ให้คล้ำเสียในฤดูร้อน
 
หน้าร้อนนี้มันช่างร้อนซะเหลือเกิน สาวๆคนไหนต้องออกไปทานข้าวตอนบ่ายๆในฤดูร้อนแดดจัดๆของประเทศไทยคงรู้ดีไม่ต้องอธิบายมากมาย วันนี้ Girlsallaround.com มีวิธีและข้อควรรู้เพื่อที่จะต่อสู้และป้องกันผิวของเราจากแสงแดดอันร้อนระอุแบบนี้ ไปดูกันเลยค่ะ

1. 10 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น อยู่ในร่มซะเถอะ

17tqr9prb1wpcjpg (Custom)
ช่วงเวลาตั้งแต่ 10.00-16.00 น. เป็นช่วงเวลาที่คุณพระอาทิตย์จะปล่อยรังสี UV ที่มีความรุนแรงสามารถทำร้ายผิวของเราได้มากที่สุด ช่วงนี้นี่แหละที่เราควรหลีกเลี่ยงที่จะไปสู้กับแสงแดด แต่หากเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไปสู้กับแสงแดด สาวๆก็อย่าลืมหาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันผิวของเราด้วยนะคะ

2. ครีมกันแดด แม้ในร่มก็ต้องทา

4 (Copy)
แสงจากหลอดไฟที่บ้านหรือที่ทำงานก็สามารถทำให้ผิวของเราคล้ำเสียได้เช่นกัน ถ้าอยากปกป้องผิวแบบสุดๆก็อย่าลืมทาครีมกันแดดในร่มด้วยนะคะ

3. ผลิตภัณฑ์ที่มี Hydroquinone หรือสารปรอท ต้องหลีกเลี่ยง

5 (Custom)
ผลิตภัณฑ์กันแดดที่ดีจะต้องไม่มีสาร Hydroquinone หรือสารปรอท เพราะสารเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดรอยแผลหรือว่าโรคมะเร็งได้ถ้าหากสะสมในร่างกายเราในปริมาณมาก

4. วิตามินซี อย่าทานเยอะเกินไป

6 (Custom)
วิตามินซีคืออาหารเสริมที่หนุ่มๆสาวๆหลายคนรับประทานอยู่เป็นประจำ แต่การทานวิตามินซีมากจนเกินไปก็อาจจะเกิดอันตรายต่อร่ายกายของเราได้ ยกตัวอย่างเช่น โรคนิ่วในไตค่ะ

นอกจากจะทำตามที่แอดมินบอกไปแล้ว อย่าลืมดื่มน่ำเยอะๆเพื่อทดแทนเหงื่อที่เสียไปในระหว่างวันด้วยนะคะ รับรองว่าผิวสาวๆจะไม่คล้ำเสียจนแห้งกร้านไม่น่าดูแน่ๆ

12 ประเทศน่าเที่ยวที่ค่าครองชีพต่ำ ประหยัดเงินในกระเป๋าไปอีก

12 ประเทศน่าเที่ยวที่ค่าครองชีพต่ำ ประหยัดเงินในกระเป๋าไปอีก

12 ประเทศน่าเที่ยวที่ค่าครองชีพต่ำ ประหยัดเงินในกระเป๋าไปอีก
เมื่อพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเราต่างก็คิดถึงเงินค่า ใช้จ่าย ค่าเดินทาง ค่าที่พักโรงแรม และค่าอื่นๆอีกมากมาย วันนี้ Girlsallaround.com ได้รวบรวมเอาที่เที่ยวสุดเจ๋งและเลิศหรูแต่ใช้จ่ายไม่มากมายอย่าง ที่คุณคิดมาให้ดูกัน เริ่มเก็บเงินแล้วออกไปเที่ยวกันเถอะ

1. Thailand

01
ไม่ต้องมองหาไปไหนไกล ประเทศไทยเรานี่แหล่ะค่ะ หาที่กินที่อยู่ง่ายที่สุดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ต้องเลือกที่เที่ยวให้ถูกที่ถูกจังหวัดด้วยนะค่ะ ถ้ามีเงินไม่มากพอแต่กลับวิ่งเข้าไปเที่ยวและพักผ่อนในเมืองใหญ่ อย่างกรุงเทพฯละก็ คุณอาจจะไม่มีเงินค่ารถกลับบ้านก็ได้

2. Indonesia

02
นี่คือหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านที่จะทำให้คุณประหลาดใจได้ตลอดการท่องเที่ยว Indonesia คือประเทศที่เกิดจากการรวมตัวกันของเกาะเล็กเกาะใหญ่และมีประชากรมากเป็น อันดับ 4 ของโลก (240 ล้านคน) รับรองว่าคุณจะได้พบกับประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน

3. Malaysia

03
หากคุณไม่พักในโรงแรมหรูหราเกินไปคุณจะสามารถท่องเที่ยวในประเทศนี้ได้อย่างไม่ ต้องกังวลเรื่องเงิน Malaysia คือประเทศที่มีวัดถ้ำอยู่หลายแห่งให้คุณได้ไปสัมผัส แต่อย่าลืมว่านี่คือประเทศที่มีชาวมุสลิมอยู่เอยะมาก ดังนั้นเราก็ต้องใส่ใจเรื่องการแต่งกายด้วยนะคะ เดี๋ยวจะเป็นเรื่องเอา

4. Philippines

04
นอกจากจะเป็นประเทศที่มีค่าแรงที่ถูกมากๆแล้ว Philippines ยังเป็นประเทศที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีงบไม่เยอะอีกด้วย Philippines มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามหลายๆที่ทั้งทะเลหรือภูเขา และเชื่อหรือไม่ว่าคุณสามารถท่องเที่ยวที่นี่ได้เพียงใช้เงินวันละ 15-20 ดอลฯหรือไม่เกิน 645 บาทเท่านั้น

5. Albania05


คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่านี่คือประเทศที่มีค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ถูกที่สุด ในยุโรปเลยทีเดียว Albania ยังเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงและมีวัฒนธรรมที่สวยงาม มากกว่านั้นยังมีชายหาดที่สวยงามหลายๆที่อีกด้วย

6. Bulgaria

06
นี่คืออีกหนึ่งประเทศในยุโรปที่คุณไม่ต้องพกตังไปจนล้นกระเป๋า Bulgaria มีสถานที่ท่องเที่ยวและชายหาดไว้ให้คุณได้พักผ่อนหย่อนใจหลายๆที่ และยังมีสถานที่เป็นโบราณสถานของยุคโรมันเก่าแก่อีกด้วย

7. Greece

07
ถ้าอยากชมวิหาร Parthenon และชื่นชอบอาหารชาวกรีว แต่ไม่มีเงินทองมากมาย ที่นี่ยินดีต้อนรับคุณเสมอ เนื่องจากปัญหาหลายๆอย่างที่ยังไม่คงที่และยังมีปัญหาเศรษฐกิจอีกด้วย Greece จึงยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนแม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีก็ตาม

8. Portugal

08
นี่คืออีกหนึ่งประเทศสุดเจ๋งที่คุณไม่ควรพลาด ตั้งแต่เศรษฐกิจของโปรตุเกสเริ่มมีปัญหาอย่างรุนแรง ค่าครองชีพของที่นี่ก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมือง Lisbon และ Porto คือสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด รับรองว่าคุณจะได้รับประสบการณ์ราคาแพงพอๆกับประเทศอื่นๆในยุโรปเลย

9. Ecuador

MTE1628
ถ้าคุณต้องการที่จะพักผ่อนบนชายหาด ดื่มด่ำกับขนบธรรมเนียมประเพณีที่สวยงาม และ “ไม่แพง”  Ecuador คือที่ที่คุณต้องไปแวะชม  มากไปกว่านั้นยังเป็นประเทศที่มีอัตราการอาชญากรรมต่อนักท่องเที่ยวไม่สูง มากอีกด้วย สถานที่ฮอตฮิตที่มาถึงแล้วต้องไปคือ เกาะ Galapagos สวยขนาดไหนดูในภาพเอาเองละกัน

10. Uruguay

10
นี่คือหนึ่งในประเทศที่คุณควรจดไว้ในรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวเลย นอกจากจะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมากแล้ว หากคุณชอบที่ดื่มด่ำกับบรรยากาศในเมืองพร้อมกับธรรมชาติไปในเวลาเดียวกัน เมืองหลวง Montevido และอีกหลายๆเมืองตอบสนองคุณได้แน่

11. Peru

11
Peru คือประเทศที่จะทำให้คุณอิ่มเอิบไปกับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เหมือน ที่ใดๆ ที่นี่คุณจะได้ชมโบราณสถานอาณาจักรของชาวอินเดียแดงเผ่าอินคาเก่าแก่ ถ้าชอบชายหาดกับวัฒนธรรมเก่าแก่ และ “ไม่แพงมาก” ต้องที่นี่เลย

12. India

12
ถ้าพูดถึงประเทศที่มีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว ก็คงไม่พลาดที่จะรวม India เข้าไปด้วย แน่นอนว่าที่นี่คุณจะได้ลิ้มรสชาติอาหารพื้นบ้านต้นตำหรับจริงๆของ India มากไปกว่านั้นค่ากินค่าอยู่ยังถูกเอามากๆเรียกได้ว่าถูกที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่การจะท่องเที่ยวในประเทศที่กว้างใหญ่นี้ก็ต้องหาความรู้และเตรียมตัวให้ ดีก่อนนะคะ