วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

วันโชวะ ของประเทศญี่ปุ่น

วันที่ 29 เดือน 4 วันนี้สำคัญไฉน?

Mon 29/04/20131,013 views
สำหรับคนทำงานบางคนในประเทศญี่ปุ่น วันที่ 29 เมษายน หรือ "วันโชวะ" (Shōwa Day / 昭和の日) ถือเป็นวันเริ่มต้นของการเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว Golden week (GW) ที่เฝ้ารอคอย แต่ในเมื่อวันนี้เป็นวันที่ระลึกถึงสมัยโชวะทั้งที เราจะไม่ลองนั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูกันหน่อยรึ ว่าในช่วงสมัยนั้นของประเทศญี่ปุ่น มีเหตุการณ์สำคัญที่น่าสนใจอะไรเกิดขึ้นบ้าง

เหตุการณ์ นินิโรคุ (二・二六事件) :
เหตุการณ์ปฏิวัติโดยนายทหารบกชั้นสัญญาบัตรวัยหนุ่มฉกรรจ์สายจักพรรดิ ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 1936 (ปีโชวะที่ 11)
 
- กำเนิดสัญลักษณ์แห่งกรุงโตเกียว :
โตเกียวทาวเวอร์ หอส่งสัญญาณสีแดงที่่ตั้งเด่นเป็นสัญลักษณ์อยู่แทบจะใจกลางเมืองหลวงกรุงโตเกียวความสูง 333 เมตร สร้างแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม ปี 1958 (ปีโชวะที่ 33)

โตเกียวโอลิมปิก : 
มหกรรมกีฬาระดับโลก "โอลิมปิก" ครั้งที่ 18 ถูกจัดขึ้นในกรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 10 - 24 ตุลาคม (ปีโชวะที่ 39) เป็นเวลารวมทั้งสิ้น 15 วัน

Oil ShocK :
วิกฤติน้ำมันเชื้อเพลิง Oil Crisis จากเหตุความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มประเทศอาหรับครั้งที่ 4 ซึ่งปะทุขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม (ปีโชวะที่ 48)

วีดิโอเกมถือกำเนิด :
ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการเล่นเกม เมื่อบริษัทนินเทนโดคิดค้นและผลิตเครื่องเล่นวีดิโอเกม Family Computer หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า "แฟมิคอม" ออกมาวางจำหน่ายในปี (ปีโชวะที่ 58)
 
เศรษฐกิจฟองสบู่ :
ช่วงปี1986 (ปีโชวะที่ 61) ถือเป็นปีที่ประเทศญี่ปุ่นเกิดภาวะ bubble economy หรือ สภาวะเศรษฐิกิจฟองสบู่รุนแรงที่สุด (ภาวะที่ราคาของสินทรัพย์ เช่นอสังหาริมทรัพย์หรือหน่วยลงทุนต่างๆ เพิ่มขึ้นสูงเกินกว่าราคาตามความเป็นจริง จนเกิดอุปสงค์เทียมจากการเก็งกำไรที่ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆเป็นวงจร และขยายตัวเหมือนฟองสบู่)

อันที่จริง "วันโชวะ" เป็นวันหยุดราชการที่เพิ่งได้รับการบัญญัติอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2007 โดยวัตถุประสงค์ของการกำหนดวันนี้ขึ้นมีอยู่ว่า
"วันคืนแห่งความผันผวนได้ผ่านพ้น จงหวนมองกลับไปยังยุคแห่งการฟื้นฟูเมื่อสมัยโชวะ และนึกคิดถึงอนาคตของประเทศชาติ"
 
ซึ่งเดิมทีวันที่ 29 เมษายนนี้ ถือเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิโชวะ และถูกจัดให้เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาจักรพรรดิเรื่อยมาจนถึงปี 1988 แต่ภายหลังเมื่อมีการเปลี่ยนจักรพรรดิในปี 1989 วันดังกล่าวก็ถูกตั้งให้เป็น "วันสีเขียว หรือ "มิโดริ โนะ ฮิ" (Greenery day / みどりの日และถูกย้ายไปอยู่วันที่ 4 พฤษภาคมในปี 2007 ส่วนวันที่ 29 เมษายนก็กลายเป็นวันโชวะแทนนับแต่นั้นมา
จริงๆแล้ว มีคนจำนวนไม่น้อยคัดค้านการกำหนดวันโชวะ ถึงขั้นที่ว่าเป็นที่ถกเถียงกันอย่างหนักในที่ประชุมสภาของญี่ปุ่น และถูกปัดตกไปถึงสองครั้งสองครา กระทั่งผ่านร่างพระราชบัญญัติได้ในที่สุดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2005 

เนปาลพุ่ง 4 พันศพ สุดวิกฤติ ขาดอาหาร-น้ำดื่ม

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 28 เม.ย. 2558 07:28

ในหลวง-ราชินีมีพระราชสาส์น ไทยส่งซี130เปิดรับบริจาคช่วย พ่อ‘หมออีฟ’เปิดใจสูญเสียลูก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยไปยังผู้นำเนปาลต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหว เผยยอดเหยื่อธรณีพิโรธพุ่งสูงลิ่วเกือบ 4 พันคน คาดตายถึง 5 พันศพ “ประยุทธ์” ควัก 1 แสนบริจาคช่วยเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกผู้ประสบชะตากรรมเลวร้าย พ่อ “น้องอีฟ” คุณหมอนักปีนเขาที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ดินไหวเนปาล หัวใจสลายร่ำไห้เผยประวัติลูก ชี้ไม่น่าด่วนจากทั้งที่อายุยังน้อยและอนาคตไกล ญาติเดินทางไปที่เกิดเหตุขอรับศพกลับนิวยอร์ก ที่คนไทยรอจัดงานศพให้อย่างสมเกียรติ สถานทูตเนปาลในไทยเปิดบัญชีขอรับบริจาค ทหารตบเท้าช่วยทุกด้าน จัดกำลังส่งไปช่วยถึงที่และจัดรายการพิเศษทางช่อง 5 ขอรับเงินบริจาคบรรเทาทุกข์แก่เพื่อนมนุษย์ร่วมโลก “ประจิน” สั่งบินไทยเตรียมเที่ยวบินพิเศษพร้อมอพยพคน สิ่งของ พร้อม กองทัพอากาศ ซี 130 ขณะที่ทีมกู้ภัยนานาชาติเร่งระดมความช่วยเหลือทุกด้าน
ชาวโลกยังเศร้าสลดและสุดสะเทือนใจในโศกนาฏกรรม เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.8 แมกนิจูดที่ประเทศเนปาล กลืนชีวิตประชาชนและนักท่องเที่ยวไปหลายพันคนรวมทั้งผู้บริหารกูเกิลและคุณหมอนักปีนเขาของไทย นับเป็นเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นบนแผ่นดินเนปาลในรอบ 80 ปี ยังความสูญเสียอย่างเหลือคณานับและมิอาจประเมินค่าได้ในเบื้องต้น ซึ่งนานาชาติรวมทั้งองค์กรเอกชน คณะบุคคล กำลังเร่งระดมให้ความช่วยเหลือชาวเนปาลอย่างเร่งด่วนนั้น
สลดยอดตายพุ่งเกือบสี่พันศพ
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 27 เม.ย. ถึงความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่สุดในรอบ 80 ปี ขนาด 7.9 แมกนิจูดตอนกลางของเนปาล สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 27 เม.ย.ว่า ยอดผู้เสียชีวิตยังทยอยเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างน้อย 3,726 ราย ส่วนที่อินเดียอีก 66 รายและที่ทิเบต 20 ราย บาดเจ็บกว่า 6,500 ราย ขณะที่นายราจีฟ พิศวาส หัวหน้าทีมนักเศรษฐศาสตร์ ของบริษัทด้านการวิจัย ไอเอชเอส ประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก เผยถึงมูลค่าความเสียหายที่ต้องใช้เวลาฟื้นฟูระยะยาวในเนปาล ซึ่งต้องถอยหลังกลับไปอีกหลายปี การสร้างอาคารให้ได้มาตรฐานที่เหมาะสม ภายในพื้นที่เขตแผ่นดินไหว อาจต้องใช้เงินมากกว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 163,350 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ราว 20%
คาดเหยื่อดินไหวอาจตายถึง 5 พันศพ
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินพยายาม เร่งไปถึงพื้นที่ห่างไกลในเขตชุมชนยากไร้ ศพที่ถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังถูกกู้ขึ้นมาได้ แต่เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสคนหนึ่งของกระทรวงมหาดไทยเนปาล เผยว่า บางพื้นที่ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ จึงคาดว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจมากถึง 5,000 ราย ส่วนผู้ที่รอดชีวิตก็ต้องประสบกับความยากลำบาก ขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม แม้เจ้าหน้าที่พยายามแจกจ่ายความช่วยเหลือสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้ทั่วถึง หลายครอบ-ครัวต้องอาศัยปูเสื่อนอนกลางถนนหลังบ้านเรือนพังราบเป็นหน้ากลอง อีกส่วนเกรงว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา จนไม่กล้ากลับเข้าบ้าน ผู้ที่บาดเจ็บก็ต้องอาศัยพื้นถนนในกรุงกาฐมาณฑุเป็นเตียงชั่วคราว เนื่องจากเตียงโรงพยาบาลไม่พอรองรับ ทีมศัลยกรรมแพทย์ต้องอาศัยเต็นท์ในวิทยาลัยการแพทย์แห่งหนึ่งเป็นห้องผ่าตัดอย่างทุลักทุเล
นอกจากนี้ สภาพบ้านเมืองในเมืองบักตะปูร์ ฝั่งตะวันออกของกรุงกาฐมาณฑุ ซึ่งส่วนใหญ่อาคาร สิ่งปลูกสร้างเก่าแก่มีอายุหลายร้อยปี และเป็นเมืองมรดกทางวัฒนธรรม ก็พังทลายลงมา ที่ยังเหลือก็เห็นความเสียหายเป็นรอยแตกร้าว ชาวบ้านต้องอาศัยเต็นท์ภายในโรงเรียน พร้อมวิจารณ์การทำงานของทางการที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า ทั้งยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปช่วยเหลือหรือดูแลสอบถาม จึงต้องช่วยเหลือตัวเอง
เด็กล้านคนรอความช่วยเหลือ
วันเดียวกัน กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ เผยว่า มีเด็กชาวเนปาลเกือบ 1 ล้านคนจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน บางคนต้องสูญเสียพ่อแม่ พร้อมเตือนให้เฝ้าระวังเรื่องโรคติดต่อและการติดเชื้อทางน้ำ แม้ในเบื้องต้นยูนิเซฟส่งเครื่องบินลำเลียงเจ้าหน้าที่และสิ่งของจำเป็นน้ำหนัก 120 ตัน รวมจากนานาชาติแต่ก็ต้องเจออุปสรรค เครื่องบินหยุดชะงักในการลงจอด เพราะท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกาฐมาณฑุต้องปิดการขึ้นลงเพื่อความปลอดภัย หลังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายครั้ง ขณะที่ทางการแพทย์ของเนปาลถือว่ายังด้อยคุณภาพ จากข้อมูลรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) เผยว่า จำนวนประชากรในเนปาลมี 28 ล้านคน แต่เมื่อคิดตามสัดส่วนแล้วมีแพทย์รักษาเพียง 2.1 คน กับเตียงโรงพยาบาล 50 เตียงต่อประชากรทุก 10,000 คน
สั่งอพยพทารกอุ้มบุญ
ส่วนรัฐบาลอิสราเอลมีคำสั่งให้อพยพทารกที่เกิดจากแม่อุ้มบุญชาวเนปาล 25 คน รวมเด็กอุ้มบุญที่คลอดก่อนกำหนด 4 คนที่อินเดียกลับประเทศ เพื่อตรวจสอบหลักฐานทางดีเอ็นเอยืนยันความเป็นผู้ปกครองชาวเกย์ และชาวอิสราเอลราว 600-700 คนที่ตกค้างในเนปาลกลับประเทศ ทั้งนี้ กฎหมายของอิสราเอลอนุญาตให้เฉพาะคู่รักร่วมเพศสามารถมีบุตรได้ด้วยวิธีอุ้มบุญ ทำให้ชาวเกย์อิสราเอลนิยมใช้บริการอุ้มบุญในเอเชีย
ส่ง ฮ.ช่วยเหลือนักปีนเขาอีกนับร้อย
ด้านหน่วยกู้ภัยส่งเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำเข้าช่วยเหลือนักปีนเขาอีกราว 150 คน ที่ยังตกค้างอยู่ที่แคมป์ 1 และแคมป์ 2 บนเทือกเขาเอเวอเรสต์ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังเกิดอาฟเตอร์ช็อกซ้ำทำให้หิมะถล่มลงมาทับนักปีนเขา จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน รวมชาวญี่ปุ่น 1 คน และชาวอเมริกัน 3 คน บาดเจ็บกว่า 60 คน ซึ่งสภาพอากาศท้องฟ้าแจ่มใส ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปด้วยดี แต่ต้องทยอยช่วยคราวละ 2 คนเนื่องจากอากาศเบาบาง ขณะเดียวกัน ก็มีนักปีนเขาชาวกรีก 9 คนซึ่งถือว่ารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด หลังถูกไกด์เชอร์ปาขโมยเงินไป ทำให้ต้องเดินทางกลับประเทศไปก่อนเกิดเหตุเพียง 1 วัน
แห่เซลฟี่บนซากปรักหักพัง
นอกจากนี้ ท่ามกลางความสูญเสียทั้งชีวิตทรัพย์สิน บริเวณหอธาราฮารา ในกรุงกาฐมาณฑุ มีคนกลุ่มหนึ่งปีนขึ้นไปยืนกลางซากปรักหักพัง แล้วถ่ายรูปตัวเองหรือเซลฟี่กับเพื่อนฝูงด้วยใบหน้ายิ้มแย้มต่อหน้ากล้องเห็นความเสียหายของหอเก่าแก่เป็นฉากหลัง รวมถึงสิ่งปลูกสร้างอื่นที่พังทลายลง ส่วนใหญ่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวแต่เป็นชาวบ้าน
ในหลวงมีพระราชสาส์นเสียพระทัย
วันเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชสาส์น แสดงความเสียพระราชหฤทัยไปยังประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล กรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหว ความดังนี้ ฯพณฯ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล กรุงกาฐมาณฑุ ข้าพเจ้าและพระราชินีเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง ที่ได้รับข่าวเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งยังก่อความเสียหายต่อมรดกทางวัฒนธรรมและโครงสร้างพื้นฐานในประเทศของท่าน ข้าพเจ้าและพระราชินีขอแสดงความเสียใจด้วยใจจริงมายังท่านและผู้ประสบความสูญเสียจากภัยพิบัติธรรมชาติครั้งนี้
ทหารระดมกำลังช่วยเต็มที่
ในด้านความช่วยเหลือจากไทยนั้น ที่กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) เมื่อเช้า 27เม.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ประเทศเนปาล ภายหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ว่า กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ พร้อมจะดำเนินการจัดชุดแพทย์ และอากาศยาน ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะช่วยเหลือ และดูทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ ประกอบกับในวันที่ 27 เม.ย. กระทรวงการต่างประเทศก็จะมีการประชุมในภาพรวมอีกครั้ง เพื่อหาหนทางว่าจะช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง
C–130 ขนกำลังพลทหารชุดแรกไปช่วย
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเนปาลเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้กองบัญชาการกองทัพไทย เตรียมการให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน โดยได้วางแผนจัดกำลังพลจำนวน 64 นายพร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตและเครื่องอุปโภค บริโภค จะออกเดินทางด้วยเครื่องบินลำเลียงแบบ C-130 จากประเทศไทยในวันที่ 28 เม.ย. เวลา 08.00 น.ไปยังประเทศเนปาล เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นและจะประเมินสถานการณ์ ประสานงานกับกองทัพเนปาลพร้อมวางแผนขยายผลให้ความช่วยเหลือต่อไป
แพทย์ ทบ.–ทหารช่างก็ร่วมช่วย
ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ.ได้สั่งให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ส่งกำลังไปปฏิบัติภารกิจที่เนปาลประกอบด้วย ชุดปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินจากกรมแพทย์ทหารบก จำนวน 17 นาย พร้อมเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยชุดแพทย์ดังกล่าวมีขีดความสามารถในการปฐมพยาบาล การลำเลียงและส่งกลับผู้บาดเจ็บ การรักษาพยาบาลทั่วไป กองทัพบกส่งชุดผลิตน้ำดื่มจากกรมการทหารช่าง 1 ชุด พร้อมอุปกรณ์เข้าช่วยผลิตน้ำสะอาดให้ผู้ประสบภัย ผบ.ทบ.ได้สั่งการให้กรมการทหารช่างจัดเตรียมหน่วยทหารช่างเฉพาะกิจ พร้อมเครื่องมือช่างขนาดหนัก หากมีการร้องขอเพิ่มเติมจากประเทศเนปาลและรัฐบาลไทยเห็นชอบ โดยชุดทหารช่างดังกล่าวจะมีขีดความสามารถฟื้นฟูพื้นที่หลังเกิดภัยพิบัติ ฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน
จัดรายการพิเศษระดมความช่วยเหลือ
พ.อ.หญิงศิริจันทร์กล่าวอีกว่า ในวันที่ 28 เม.ย. เวลา 20.20 22.20 น. รัฐบาลจะจัดรายการพิเศษทางสถานีโทรทัศน์ ระดมความช่วยเหลือและรับบริจาคเงินไปช่วยผู้ประสบภัยในเนปาล กองทัพบกได้มอบหมายให้สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 รับผิดชอบจัดรายการพิเศษดังกล่าว ภายใต้ ชื่อรายการ “น้ำใจไทย เพื่อผู้ประสบภัยเนปาล” โดยร่วมบริจาคทางโทรศัพท์ ในช่วงการออกอากาศสด หรือเดินทางไปบริจาค ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และบริจาคผ่านธนาคารได้โดยการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล บัญชีเลขที่ 067-0-10330-6
“ประยุทธ์” เสียใจกับรัฐบาลเนปาล
ขณะเดียวกันเมื่อเวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันเดียวกัน ที่ Kuala Lumpur Convention Centre (KLCC) กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 26 โดยมีนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานการประชุมสุดยอดอาเซียนกล่าวเปิดการประชุม ก่อนยืนจับมือถ่ายรูปร่วมกันบนเวที ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในที่ประชุมว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเนปาล ขอแสดงความเสียใจกับรัฐบาลและประชาชนชาวเนปาลต่อความสูญเสียและความเสียหายที่เกิดขึ้น
“ประจิน” สั่งบินไทยพร้อมอพยพคน
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้หารือแนวทางการเตรียมพร้อมความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว ประเทศเนปาล โดยขณะนี้กองทัพอากาศได้เตรียมความพร้อมเครื่องบิน ซี 130 สำหรับขนส่งสิ่งของ ผู้โดยสาร รวมถึงทีมแพทย์ หน่วยกู้ภัยไว้แล้วและยังได้ประสานการบินไทย ให้เตรียมความพร้อมเที่ยวบินพิเศษ ลูกเรือเพื่อรออพยพคน สิ่งของให้ด้วย แต่จะต้องรอคำสั่งจาก ครม. ในการทำแผนอนุมัติการบิน และการช่วยเหลือว่าจะให้การช่วยเหลือในรูปแบบใด หรือไปลงในสนามบินใด นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจในสังกัด เพื่อรวบรวมสิ่งของ ซื้อผ้า ยารักษาโรค รวมถึงเงินบริจาคให้เสร็จภายใน 1 สัปดาห์ สำหรับช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวชาวเนปาล
เปิดบัญชี “หัวใจไทย ส่งไปเนปาล”
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 14.00 น. ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการช่วยเหลือประเทศเนปาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้สั่งการให้รัฐบาลร่วมกับหน่วยงานภาครัฐให้การช่วยเหลือ ซึ่งสำนักปลัดสำนักนายกฯได้เปิดบัญชีชื่อ “หัวใจไทย ส่งไปเนปาล” ธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล หมายเลขบัญชี 067-0-10330-6 โดยบริจาคได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ เอกชน เช่น 7-11 ทุกสาขายังให้ความร่วมมือรับบริจาคเพื่อส่งต่อมายังรัฐบาล ทุกวันจะสรุปยอดเงินช่วยเหลือในเวลา 17.00 น. สำหรับการจัดส่งความช่วยเหลือไปยังเนปาล หลายหน่วยงานทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพ ภาคเอกชน ทยอยส่งการช่วยเหลือไป ส่วนการช่วยเหลือด้านทีมแพทย์นั้น ทั้งสภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุข พร้อมส่งบุคลากรไปให้ความช่วยเหลือ ในส่วนของต่างจังหวัดบริจาคได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ
“บิ๊กตู่” ควัก 1 แสนช่วยเหยื่อดินไหว
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้บริจาคเงินส่วนตัวประเดิมในบัญชีดังกล่าวเป็นท่านแรกจำนวน 1 แสนบาท และเชิญชวนให้ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่า ร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือผู้เผชิญภัยพิบัติในเนปาลร่วมกัน โดยในส่วนกลางสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมสิ่งของและเงินบริจาคจากภาคส่วนต่างๆ เบื้องต้นได้เริ่มดำเนินการเพื่อหาทางช่วยเหลือแล้วในวันที่ 27 เม.ย. และจะทยอยส่งของช่วยเหลือไปยังเนปาลเป็นระยะ
ใช้ศูนย์ดำรงธรรมรับบริจาค
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล ว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการรับความช่วยเหลือผ่านศูนย์ดำรงธรรมจึงได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยดำเนินการ โดยสิ่งที่ต้องการรับความช่วยเหลือลำดับแรกคือ อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน เพื่อ ง่ายต่อการขนส่ง น้ำดื่ม อุปกรณ์กันหนาวและเงินช่วยเหลือ โดยให้ศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศเปิดรับความช่วยเหลือแล้วส่งมารวบรวมในส่วนกลาง และจะส่งความช่วยเหลือไปยังประเทศเนปาลต่อไป
สถานทูตเนปาลเปิดบัญชี
วันเดียวกัน เฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตเนปาลประจำประเทศไทย เผยแพร่เอกสารข่าว ว่า สถานเอกอัครราชทูตเนปาลฯ ได้เปิดบัญชีเงินฝากในธนาคาร 2 แห่งในกรุงเทพฯ เพื่อรับบริจาคเงินจากผู้ที่ประสงค์ช่วยเหลือรัฐบาลเนปาลและประชาชนชาวเนปาล คือ 1.ธนาคารกรุงเทพ บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ชื่อบัญชี “Nepal Earthquake Relief Fund” เลขที่บัญชี 9313500234 และ 2.ธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ชื่อบัญชี “Nepal Earthquake Relief Fund” เลขที่บัญชี 0713017184 ทั้งนี้ เงินบริจาคที่ถูกส่งเข้ามาในบัญชีเหล่านี้จะถูกรวบรวมแล้วโอนส่งยังกองทุนของรัฐบาลเนปาลที่ชื่อว่า “กองทุนนายก-รัฐมนตรีเพื่อการบรรเทาภัยพิบัติธรรมชาติในเนปาล (Prime Minister Natural Disaster Relief Fund in Nepal)”
ญาติ “หมออีฟ” ติดต่อขอรับศพ
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจากที่สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงกาฐมาณฑุ ประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงกาฐมาณฑุ ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังจากมีรายงานว่า น.ส.มาริสา จิระวงศ์ไกรสร หรือน้องอีฟ ผู้ช่วยแพทย์ ที่ถือสองสัญชาติ ไทยและอเมริกัน ได้เสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ที่เบสแคมป์บนเทือกเขาเอเวอเรสต์นั้น ล่าสุดได้รับการยืนยันจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯแล้วว่า ผู้ช่วยแพทย์คนดังกล่าวเสียชีวิตจริง ญาติได้ติดต่อขอรับศพ นำไปประกอบพิธีทางศาสนา ผ่านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงกาฐมาณฑุแล้ว ส่วนนักศึกษาแพทย์จาก มศว ทั้ง 6 คน ล่าสุด ได้เดินทางมาถึงในเมืองโพคาราแล้ว สถานทูตติดต่อได้แล้วและส่งรถไปรับที่เมืองโพคารา ห่างจากเมืองกาฐมาณฑุ 400 กม. คาดว่าจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. จากนั้นจะประสานให้นักศึกษาแพทย์กลุ่มนี้เดินทางกลับประเทศไทยโดยเร็ว
พ่อ “น้องอีฟ” ใจสลายเผยประวัติลูก
บ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบบิดามารดา น้องอีฟ-น.ส.มาริสา ที่หมู่บ้านสัมมากร ย่านรามคำแหง กทม. พบนายอาคม จีระวงศ์ไกรสร หรือจีระวงศ์ อายุ 72 ปี อดีต ผจก.ซีพี สำนักงานนิวยอร์ก บิดาของน้องอีฟและนางฟาริดา จีระวงศ์ฯ พี่สาว ส่วนมารดาคือ นางวีรุดา อยู่ในอาการเศร้าโศกขอตัวไม่ให้สัมภาษณ์ นายอาคมเผยว่า น้องอีฟเป็นบุตรคนสุดท้อง ในจำนวนพี่น้อง 3 คน มีพี่สาวและพี่ชาย เกิดที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะตนไปเรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่นิวยอร์ก น้องอีฟเรียนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยที่ศูนย์วัฒนธรรมไทยแห่งรัฐนิวยอร์ก พูด เขียนภาษาไทยได้ดี เรียนจบปริญญาตรีสาขาชีวเคมี และเรียนต่อปริญญาโทวิทยาศาสตร์การแพทย์ จนสำเร็จเป็นผู้ช่วยแพทย์ เข้าทำงานแผนกฉุกเฉินที่โรงพยาบาล เป็นคนชอบกีฬาโลดโผนท้าทาย รวมทั้งการปีนเขา และสมัครเรียนปริญญาโทสาชาวิชาธรรมชาติบำบัด ที่มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เรียนทางไปรษณีย์และจะต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยปีละ 4 ครั้ง
เผยลูกชอบปีนเขาเป็นชีวิตจิตใจ
นายอาคมเผยอีกว่า กีฬาปีนเขา เป็นความใฝ่ฝันของบุตรสาว เคยไปปีนเขาที่ยอดเขาเอเวอเรสต์มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว พอกลับมาก็แอบไปปีนเขาอีกหลายแห่งในต่างประเทศ รวมทั้งยอดเขาที่สูงที่สุดในสหรัฐฯและไปฝึกการปีนเขาที่สกอตแลนด์ ก่อนจะร่วมคณะไปปีนเขาครั้งนี้ มีโรงพยาบาลที่ซานฟรานซิสโก ติดต่อไปทำงานและให้เงินเดือนสูง ขณะเดียวกัน บริษัทเมดิสัน เมาเท่นฯ ได้ติดต่อไปเป็นผู้ช่วยแพทย์ประจำคณะไต่เขาของบริษัท ด้วยความที่ชอบปีนเขาจึงตกลงรับงาน และเดินทางไปเนปาลมีกำหนด 2 เดือน ครบเดือนพฤษภาคม โดยวางแผนกันไว้ว่า เดือนมิถุนายนจะกลับมาเมืองไทย เพื่อไปเยี่ยมบ้านลูกเขยที่ฝรั่งเศสพร้อมครอบครัวและน้องอีฟ เจ้าตัวเคยเดินทางมาเมืองไทยครั้งล่าสุด เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ร่วมแต่งงานพี่สาวคนโตที่ จ.ภูเก็ต โดยถือโอกาสทำหนังสือเดินทางไทยด้วย เนื่องจากยังถือ 2 สัญชาติคือไทยและสหรัฐฯ
ร่ำไห้ไม่น่าด่วนจากทั้งที่อนาคตไกล
“ผมได้คุยกับอีฟ เมื่อวันที่ 22 เม.ย. เขาติดต่อมาถามสูตรทำเค้กช็อกโกแลต ยังบอกอีกว่าจะลองทำฉู่ฉี่ให้ชาวต่างชาติกิน เพราะเขาชอบทำอาหารไทย ครั้งแรกที่บริษัทแจ้งไปทางลูกชายที่นิวยอร์ก ว่าอีฟหายไปจากเหตุแผ่นดินไหว ก็ยังนึกว่าคงไม่เป็นไร แต่บริษัทยืนยันไปที่ลูกชายว่าพบศพแล้ว ครอบครัวก็เสียใจที่เขาจากไปอย่างไม่คาดคิด ทุกคนเสียใจคิดว่าชีวิตอีฟน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ แต่ชีวิตคงถูกลิขิตมาเช่นนี้ก็ต้องทำใจ ก่อนเสียชีวิตเพิ่งได้รับโปสการ์ดใบล่าสุดอาทิตย์ที่แล้ว เขียนข้อความถึงพ่อแม่ ขอบคุณที่สนับสนุนความฝันและมอบความรัก ทำให้ประสบความสำเร็จและเดินทางมาสู่ความฝัน รัก...น้องอีฟ ” นายอาคมพ่อผู้หัวใจสลายเล่าทั้งน้ำตา
พี่สาวเผยน้องจิตใจดีชอบช่วยคน
ส่วนนางฟาริดา จีระวงศ์ พี่สาวคนโต เปิดเผยว่า ทำงานด้านไฟแนนซ์อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ทราบข่าวจากบิดาเรื่องน้องสาว ก็รีบบินมาประเทศไทยเมื่อเช้าวันที่ 26 เม.ย. ได้ติดต่อประสานงานไปยังสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศเนปาลและอินเดีย ให้ช่วยประสานงานการค้นหาและเมื่อพบศพน้องสาว ก็ให้จัดการเรื่องส่งศพไปที่นิวยอร์กด้วย ทุกคนในครอบครัว จะไปร่วมงานศพที่นิวยอร์ก “อีฟเป็นคนมีจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้คน รักการเรียนนาฏศิลป์ไทย รำไทยเก่ง พูดเสมอว่าอยากทำงานที่ช่วยเหลือคน อนาคตอยากจะกลับมาอยู่ประเทศไทยเพื่อดูแลพ่อแม่ และช่วยเหลือคนไทย
นิวยอร์กเตรียมจัดงานศพสมเกียรติ
ส่วนที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ นางสุจิตรา ปาลีวงศ์ ประธานศูนย์วัฒนธรรมไทยแห่งรัฐนิวยอร์ก เผยว่า คนไทยในนครนิวยอร์ก รู้สึกช็อกกับข่าวการเสียชีวิตของน้องอีฟ-น.ส.มาริสา เนื่องจากเป็นเยาวชนไทยรุ่นใหม่ที่เป็นแบบอย่างในการรักษาความเป็นไทย เรียนภาษาไทยและรำไทยเก่ง ชอบทำอาหารไทย เป็นคนมีความเชื่อมั่นตัวเองสูง และแนะนำตัวเองเสมอว่าเป็นคนไทย ชุมชนไทยก็คาดหวังไว้ว่าจะเป็นเยาวชนที่สร้างชื่อเสียงให้คนไทยในอนาคต โดยเฉพาะการปีนเขา น.ส.มาริสาเล่าให้เพื่อนๆฟังเสมอว่า จะต้องปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ให้สำเร็จและจะเป็นผู้หญิงไทยที่นำธงไทยไปปักบนยอดเขา เพื่อนจึงเชื่อว่าเธอมุ่งมั่นไปสู่ฝันแน่ ทำให้ชาวไทยในนิวยอร์กรอคอยกันติดตาม ทุกคนก็เสียใจที่ น.ส.มาริสาจากไปชุมชนไทยในนิวยอร์กเตรียมจัดพิธีศพให้ น.ส.มาริสาอย่างสมเกียรติ
ดินไหวเพราะรอยเลื่อนย้อนมุมต่ำ
ที่กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี แถลงข่าวเหตุการณ์แผ่นดินไหวเนปาล ส่งผลกระทบต่อไทยอย่างไร? ว่า แผ่นดินไหวที่ เนปาล เกิดจากรอยเลื่อนย้อนมุมต่ำ โดยเกิดขึ้นระหว่างแนวมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกอินเดียใต้แผ่นเปลือกโลกยูเรเชียไปในทิศทางด้านเหนือโดยประมาณ จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวเกิดห่างจากเมืองกาฐมาณฑุ ไปทางทิศตะวันตกฉียงเหนือ ประมาณ 80 กิโลเมตร ห่างจากจุดศูนย์กลางห่างจาก จ.เชียงราย ของประเทศไทย ประมาณ 1,700 กิโลเมตรและห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 2,000 กิโลเมตร ดังนั้นแรงสั่นสะเทือนที่จะมาถึงประเทศไทยมีค่าน้อยมากจนไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย จากการตรวจสอบของกรมทรัพยากรธรณี สามารถตรวจสอบแผ่นดินไหวหลักแผ่นและอาฟเตอร์ช็อกจนถึงวันที่ 27 เม.ย.ได้ 18 ครั้ง แต่ไม่ได้เกิดในประเทศไทย โดยเกิดขึ้นบริเวณชายแดนประเทศเนปาล-อินเดีย และเนปาล-บังกลาเทศ
จับตา 3 รอยเลื่อนของไทย
อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวต่อว่า แนวการเกิดแผ่นดินไหวดังกล่าว มีความต่อเนื่องมายังรอยเลื่อนสะกาย ในพม่า ซึ่งได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.2 แมกนิจูด หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ เนปาล และรอยเลื่อนสะกาย มีรอยเลื่อนแขนงมายังประเทศไทย ประกอบด้วยรอยเลื่อนแม่ปิง-เมย ทอดตัวผ่าน อ.ตากฟ้า อ.พยุหะคีรี อ.เมืองนครสวรรค์ อ.ขาณุวรลักษบุรี อ.คลองขลุง อ.เมืองจ.กำแพงเพชร ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ มีความยาวโดยประมาณ 161 กิโลเมตร โดยรอยเลื่อนสะกายอยู่ห่างจากรอยเลื่อนแม่ปิง-เมย ประมาณ 100 กว่ากิโลเมตร และเป็นรอยเลื่อนเดียวกัน นอกจากนี้ ยังเชื่อมไปยังกลุ่มรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรีและกลุ่มรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี ซึ่งกรมทรัพยากรธรณีจะต้องติดตามรอยเลื่อนทั้ง 3 รอยอย่างใกล้ชิด พร้อมกับภาวนาของไม่ให้เกิดเหตุการณ์ใดๆทั้งสิ้น แต่การเกิดแผ่นดินไหว ไม่มีใครสามารถพยากรณ์หรือคาดเดาได้ล่วงหน้า
ไทยมีสิทธิ์เจอแต่ไม่รุนแรง
เมื่อถามว่า โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยมีหรือไม่ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า อาจจะมีเกิดขึ้น แต่ไม่รุนแรงและไม่น่าจะเกิน 5 แมกนิจูด แต่ปกติมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นทุกวันอยู่แล้ว เมื่อถามอีกว่า รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ เป็นที่ตั้งของเขื่อนศรีนครินทร์ จะมีผลกระทบหรือไม่ นายสุพจน์กล่าวว่า ไม่ต้องพูดถึงเขื่อนศรีนครินทร์ เพราะเขื่อนฯ ยืนยันว่ามีระบบรองรับแผ่นดินไหวได้ถึง 7 แมกนิจูด นอกจากนี้ กรมทรัพยากรธรณี ยังมีเครื่องวัดอัตราเร่งคอยตรวจผลกระทบจากแผ่นดินไหวติดตั้งอยู่ คอยตรวจสอบสถานการณ์ตลอดเวลา ขอให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ
ก.วิทย์ฯตั้งศูนย์รับบริจาค
นายสมชาย เทียมบุญประเสริฐ รองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้ตั้งจุดรับบริจาคเงินและสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวเนปาล เบื้องต้นได้ประสานงานไปยังกลุ่มลูกเสือเนปาล ซึ่งเป็นกลุ่มอาสาสมัครเคลื่อนที่เร็ว พบว่ามีความต้องการข้าวสารอาหารแห้งและสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ บะหมี่สำเร็จรูปรสไก่แบบถ้วย ปลากระป๋อง ยาหม่อง เต็นท์ขนาด 12 คน ผ้าเต็นท์ผืนใหญ่ขนาด 10 × 10 เมตร ไฟฉายพร้อมแบตเตอรี่ เสื้อกันฝน เสื้อยืด ตุ๊กตาของเล่นสำหรับเด็ก ยารักษาโรค มอเตอร์ไซค์วิบากขนาด 150 ซีซี จำนวน 20 คัน และได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานรับบริจาค 4 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรวบรวมและดำเนินการช่วยเหลือต่อไปหรือ โทร.1313 ขณะที่ซีพีมอบถุงยังชีพช่วยเนปาล 1 หมื่นถุง และข้าวสาร 5 หมื่นกิโลกรัม
หน่วยงานเอกชนระดมช่วยเพียบ
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยหลังการประชุมหารือช่วยแผ่นดินไหวที่เนปาล ว่า รู้สึกเศร้าสลดต่อเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น และได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ สถานเอกอัครราชทูตเนปาล ประจำประเทศไทย สถานเอก– อัครราชทูตไทย ประจำประเทศเนปาล องค์กรศาสนา 5 ศาสนา ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) มูลนิธิ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมสี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สมาคมสร้างคุณค่าแห่งประเทศไทย สมาคมคนเนปาลโพ้นทะเล และคณะพระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาล ฯลฯ จัดกิจกรรมเชิญชวนประชาชนบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดิน ไหว โดยมีการจัดแสดงคอนเสิร์ตการกุศลถ่ายทอดสด ประมูลภาพผลงานศิลปินแห่งชาติและศิลปินร่วมสมัย จัดทำเสื้อสัญลักษณ์ศิลปะเนปาลโดยศิลปินแห่งชาติ ตลอดจนการตั้งตู้รับบริจาค ณ หน่วยงานต่างๆในสังกัด กระทรวงทั่วประเทศ และพร้อมให้การช่วยเหลือบูรณะ ปฏิสังขรณ์ โบราณสถานของเนปาลที่เป็นมรดกโลกซึ่งได้รับความเสียหายหนัก จำนวน 3 แห่ง
สงฆ์ 100 รูปในเนปาลปลอดภัย
วันเดียวกัน สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กล่าวว่า คณะสงฆ์ไทย ขอส่งกำลังใจให้ชาวเนปาลผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ และขอเชิญชวนคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ร่วมกันบริจาคปัจจัย สิ่งของช่วยผู้ประสบภัยด้วย ด้านพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะประธาน สำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศกล่าวว่า ได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในประเทศเนปาล 2 แห่งคือ 1.ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ภูเขาทองวัดสระเกศฯ 2.ที่วัดไทยลุมพินี ประเทศเนปาลขณะนี้มีธารน้ำใจจากพระภิกษุสงฆ์และประชาชน บริจาคเข้ามายอดตอนนี้อยู่ที่ 5 ล้านบาท ส่วนพระธรรมทูตที่ไปปฏิบัติศาสนกิจที่เนปาล ประมาณ 100 รูป ไม่มีรายงานว่าบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนนายพนม ศรศิลป์ ผอ. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้มีมิจฉาชีพได้แฝงตัวขอรับบริจาคโดยสร้างบัญชีธนาคารปลอม จึงฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง
ยันนักท่องเที่ยว 64 คนปลอดภัย
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่ เนปาลต่อการท่องเที่ยว ว่า ได้ประสานงานกับ น.ส.กนกวรรณ ศุภปีติพร พี่สาวของหนึ่งในคณะนิสิตแพทย์ทั้ง 6 คนอย่างใกล้ชิด ที่ไปเนปาลแล้วเมื่อเช้าวันที่ 27 เม.ย. เพื่อไปรับคณะกลับมา พร้อมติดตามความคืบหน้าของนักท่องเที่ยวชาวไทยในเนปาล ทราบจากสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ว่า มีบริษัทนำเที่ยวจากประเทศไทย เดินทางไปยังประเทศเนปาล 2 บริษัท คือ บริษัท มิตรไมตรีทัวร์ 34 ราย และบริษัทเกษม ทีพีเอ็ม กรุ๊ป 30 ราย ซึ่งนักท่องเที่ยวทุกคนปลอดภัยดี นอกจากนี้ ยังมีบริษัททัวร์อีก 11 รายที่จัดทัวร์ไปเนปาล แต่ได้ยกเลิกและเลื่อนการเดินทางออกไป ส่วนโครงการช่วยเหลือในอนาคต กระทรวงฯ จะให้ความร่วมมือฟื้นฟูและสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวประเทศเนปาล เพราะเนปาลมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว
คณะแสวงบุญปลอดภัย
เช้าวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวไปที่วัดป่าเรียน หมู่ 4 ต.ตลิ่งชัน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ติดตามความคืบหน้ากรณีพระสมปอง ญาณทีโป เจ้าอาวาสวัดป่าเรียน พร้อมคณะทัวร์แสวงบุญจากพื้นที่ต่างๆ จำนวน 31 คน เดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศเนปาล ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหว พบญาติโยมจำนวนหนึ่งมานั่งรอฟังข่าว พระอาวรณ์ อนารโย เปิดเผยว่า ติดต่อกับคณะแสวงบุญได้แล้ว ทุกคนปลอดภัยและอยู่ที่สถานทูตไทยประจำเนปาล ทำให้ทุกคนโล่งใจไปตามๆกัน ขณะที่นายชัยสิทธิ์ เทพทอง ปลัด อบต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช สามีของจรัส เทพทอง อายุ 56 ปี ภรรยา ครูโรงเรียนบ้านปากเจา ที่ร่วมไปกับคณะทัวร์แสวงบุญกล่าวว่า ทราบว่าคณะทัวร์แสวงบุญปลอดภัยดีทุกคน กำลังเดินทางกลับประเทศไทยในเร็วๆนี้
แตกตื่นอินเดียดินไหว 5.1
วันเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างศูนย์ข้อมูลการเกิดแผ่นดินไหวสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) ว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหววัดขนาดได้ 5.1 แมกนิจูดในอินเดีย ศูนย์กลางที่เมืองปัฎนา รัฐเบงกอลตะวันตก ภาคเหนือของประเทศ ส่งผลให้ทุกอย่างสั่นสะเทือน และชาวบ้านวิ่งหนีแตกตื่นออกจากบ้านมาเกาะกลุ่มกันกลางถนนเพื่อความปลอดภัย แต่ไม่มีรายงานความเสียหายร้ายแรง
ร่วมจุดเทียนส่งกำลังใจ
ช่วงค่ำ มีกลุ่มคนไทยผู้เล่นเว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์ www.twitter.com จำนวนหนึ่ง นำโดย น.ส.ขวัญเรือน ถาวรทวีวงษ์ ทยอยมาจุดเทียน วางดอกกุหลาบสีขาว ถือป้ายข้อความ #PrayforNapal รณรงค์เชิญชวนคนไทยและชาวโลกส่งข้อความออนไลน์ผ่านเว็บโซเชียลต่างๆส่งกำลังใจให้ชาวเนปาลที่ประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว บริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตเนปาลประจำประเทศไทย ซอยสุขุมวิท 71 พร้อมทั้งมอบดอกไม้ส่งกำลังใจให้ชาวเนปาล ผ่านนาย Dornath Aryal อุปทูตและโฆษกประจำสถานเอกอัครราชทูตเนปาลประจำประเทศไทย ซึ่งเจ้าตัวได้กล่าวขอบคุณคนไทยที่ร่วมกันให้กำลังใจชาวเนปาล

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

อย่าพลาด!!!

8 สถานที่แนะนำ “ต้องไปสัมผัส” เมื่อไปเยือนประเทศโปรตุเกส

8 สถานที่แนะนำ “ต้องไปสัมผัส” เมื่อไปเยือนประเทศโปรตุเกส
วันวันพฤหัสบดีที 04 กรกฎาคม 2013
Skyscanner มอบหมายให้งบกับเดอะบลอนด์ยิปซี (The Blond Gypsy) บล็อกเกอร์ด้านท่องเที่ยวไปค้นหาส่วนที่เยี่ยมที่สุดของโปรตุเกส
เมื่อตอนที่ Skyscanner ให้สิทธิ์แก่ฉันเต็มที่ในการสำรวจโปรตุเกสให้ได้มากที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ ด้วยงบประมาณพอสมฐานะสำหรับตั๋วเครื่องบิน 350 ยูโร (ประมาณ 14,000 บาท) นั้น ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มต้นตรงไหนดี
โปร์ตู (Porto) ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุด เพราะก็เป็นที่ที่บรรดาเพื่อนๆ บล็อกเกอร์ด้านท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของฉันมุ่งหน้าไปชุมนุมกันในช่วงต้นเดือนกันยายน จากที่โปร์ตู ฉันก็วางกำหนดการเดินทางของฉันไว้ในหัตถ์ของพระเจ้า หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ในอุ้งมืออันทันสมัยของ Skyscanner เสิร์ชเอนจิ้นนั่นเอง
และแล้วเกมที่ฉันโปรดปรานที่สุดก็ได้เริ่มต้นขึ้น เกมที่ว่าด้วยการ “เลือกผจญภัยในแบบของคุณ” ฉบับสมจริงสมจัง เกือบชั่วโมงที่ฉันนั่งเลือกรายการจุดหมายปลายทางต่างๆ ในโปรตุเกส โดยเน้นอยู่อย่างเดียวว่าเป็นที่ไหนก็ได้ที่ตั๋วถูกที่สุด ลงในแผนการเดินทางของฉัน ผลลัพธ์ที่ได้คือ หกเที่ยวบินไปยังสี่เขตที่อยู่คนละทิศละทางของประเทศ อันได้แก่ โปร์ตู (Porto) ฟารู (Faro) มาเดรา (Madeira) และลิสบอน (Lisbon)
จากตรงนั้น ฉันก็ตัดสินใจตามสไตล์ยิปซีๆ ว่าไว้ให้ถึงที่หมายก่อนแล้วค่อยว่ากันว่าจะเอายังไงต่อ และก็ได้แต่หวังว่าอะไรๆ มันจะราบรื่นในแง่ของการได้เปิดหูเปิดตาใอย่างเต็มที่จากสถานที่เหล่านั้น แต่ที่ฉันไม่ได้คาดหวังเอาไว้ก็คือ อะไรๆ เหล่านั้นมันช่างราบรื่นได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ รวมทั้งไม่ได้หวังว่าฉันจะตกหลุมรักประเทศเรียบๆ ที่มีประชากรเกือบ 11 ล้านคน ณ สุดขอบของทวีปยุโรปได้มากขนาดนี้เช่นกัน
โปรตุเกสมีครบหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์อันน่าทึ่ง ผู้คนที่เป็นมิตร เมืองหลวงเก๋ๆ สวนสาธารณะแห่งชาติที่อลังการในตอนเหนือ ชายหาดที่สุดจะเซ็กซี่ในตอนใต้ เกาะแก่งแบบกึ่งโซนร้อนทอดตัวอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก และที่สำคัญ โปรตุเกสไม่แพงเลย!
ฉันต้องขอขอบคุณ Skyscanner ที่ให้โอกาสฉันได้มีการเดินทางที่แสนจะวิเศษนี้ และยิ่งไปกว่านั้นคือ ทำให้ฉันได้ค้นพบสถานที่โปรดที่ใหม่บนโลกใบนี้ นั่นก็คือโปรตุเกส!

โปร์ตู (Porto)

เมืองโปร์ตู (Porto) ประเทศโปรตุเกส
โปร์ตูเป็นจุดเริ่มต้นของทุกทริป เป็นที่ที่ให้ฉันได้ลิ้มรสชาติของโปรตุเกสเป็นครั้งแรก และฉันก็ตกหลุมรักโปร์ตูทันที ด้วยสภาพภายนอกที่เก่าแบบเก๋ๆ และฉันก็ทึ่งไปกับความมีมนุษยสัมพันธ์ของผู้คน แต่ฉันก็ไม่รู้เลยว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของอะไรๆ อย่างอื่นที่กำลังจะตามมา

ฟารู (Faro)

เมืองฟารู (Faro) ประเทศโปรตุเกส
ฟารูเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากสำหรับการออกสำรวจแถบอัลการ์ฟ (Algarve) ซึ่งภายในเมืองก็ไม่มีชายหาดจริงๆ ให้ไปเที่ยวหรอก คุณต้องเรียกเรือแท็กซี่ หรือเรือประจำทางเพื่อเดินทางไปยังชายหาดเหล่านั้น แต่ที่นี่ก็มีท่าเรือน่ารักๆ และก็ยังมีเขตเมืองเก่า (Cidade Velha) ที่น่าประทับใจด้วย

ปอร์ติเมา (Portimão)

เมืองปอร์ติเมา (Portimao) ประเทศโปรตุเกส
ปอร์ติเมาอยู่ห่างจากฟารูมาเพียงชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้นโดยรถไฟ ที่นี่คือที่ที่ฉันปักหลักอยู่ในระหว่างที่เที่ยวอยู่ในอัลการ์ฟ และก็เป็นที่ที่ฉันขุนตัวเองด้วยอาหารทะเลที่อร่อยที่สุดตั้งแต่ฉันได้เคยกินมา ทุกเมืองที่ฉันได้ไปเที่ยวมาในตอนใต้ เมืองนี้เป็นเมืองที่รู้สึกว่าจะมุ่งไปสู่นักท่องเที่ยวแบบเป็นแพ็กเกจมากที่สุดแล้ว ในแง่ของวิวทิวทัศน์แล้วอาจจะไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ นอกเสียจากชายหาดหิน (Praia da Rocha) ชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของปอร์ติเมา ที่เป็นชายหาดสีทองทอดตัวยาวไปอย่างเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด

ซาเกรส (Sagres)

เมืองซาเกรส (Sagres) ประเทศโปรตุเกส
สี่สิบกิโลเมตรจากปอร์ติเมาก็จะถึงซาเกรส จุดที่จัดว่าอยู่สุดขอบทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป มีรถเมล์หลายสายวิ่งรับส่งระหว่างวัน ที่สามารถพาคุณไปไหนมาไหนได้ แต่ถ้าคิดจะไปแหลมเซนต์วินเซนต์  (Cape St. Vincent) และชายหาดหลายๆ หาด ใช้บริการแท็กซี่ดูจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ซาเกรสเป็นที่ที่ให้คุณมาโต้คลื่นและรู้สึกว่าตัวเองนั้นแค่กระจิดริด การที่ได้มองออกไปยังขอบโลก หรือเอาจริงๆ ก็คือมองออกไปจากขอบของยุโรปเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ฉันไม่เคยมีมาก่อน และเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงเลยจริงๆ

ลากอส (Lagos)

เมืองลากอส (Lagos) ประเทศโปรตุเกส
ฉันคงไม่ใช่คนแรก และที่แน่ๆ ก็ไม่ใช่คนสุดท้ายที่ยอมจำนนให้แก่ลากอส ลากอสตั้งอยู่ระหว่างซาเกรสและปอร์ติเมา และสามารถเดินทางไปได้ด้วยระบบขนส่งมวลชนอย่างง่ายดาย เมื่อเทียบกับขนาดแล้วลากอสถือว่าค่อนข้างจะอัดแน่นไปด้วยชายหาดสวยๆ และสีสันยามราตรีที่เจิดจ้า จึงกลายเป็นที่โปรดของฉันในอัลการ์ฟไปแล้ว และก็ยังเป็นที่ที่ฉันสามารถใช้เวลาอยู่ได้ทั้งหน้าร้อนเลยทีเดียว (ถึงแม้ว่าจะไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าจะทำได้ยังไงก็เถอะ!)

มาเดรา (Madeira)

เมืองมาเดรา (Madeira) ประเทศโปรตุเกส
ในบรรดาที่ที่ฉันไปเที่ยวมาในโปรตุเกส มาเดราทำให้ฉันประหลาดใจมากที่สุดแล้ว คือฉันก็รู้ว่ามันเป็นเป็นเกาะ แต่ก็คิดไม่ถึงว่ามันเหมือนกับว่าเป็นเกาะเขตร้อนในทะเลคาริบเบียน ไม่ใช่ในยุโรปตอนใต้ได้แบบนี้ ฟังชาล (Funchal) เมืองหลักของมาเดรามีความเป็นเมืองใหญ่สูงทีเดียวเมื่อเทียบกับมาตรฐานของความเป็นเกาะ แต่แค่เพียงนั่งรถมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือ 30 นาที คุณจะหลุดออกไปสู่ใจกลางของป่ากึ่งเขตร้อนที่อยู่ภายใต้การอนุรักษ์ของยูเนสโกแล้ว

ลิสบอน (Lisbon)

เมืองลิสบอน (Lisbon) ประเทศโปรตุเกส
ลิสบอนเป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่เซ็กซี่ที่สุดตั้งแต่ฉันเคยไปเที่ยวมา ด้วยความที่เมืองถูกสร้างขึ้นบนเนินเขาทั้งเจ็ด และมีทำเลอยู่ที่ริมแม่น้ำทากัส (Tagus) คุณจินตนาการดูก็แล้วกันว่าทิวทัศน์ที่คุณจะมองเห็นรอบๆ  เมืองไม่ว่าจะในเวลาใดของวันนั้นจะสวยงามเพียงใด การโดยสารรถแทรมเบอร์ 28 ก็เป็นวิธีที่ดีในการทำความรู้จักลิสบัว (Lisboa/Lisbon) แค่ให้แน่ใจว่าไปถึงให้ไวๆ ก่อนที่รถจะแน่นก็แล้วกัน! ฉันโชคดีที่ได้พักอยู่ในย่านใจกลางของอัลฟามา (Alfama) และได้พบกับคุณยายชาวโปรตุเกสคนหนึ่งในช่วงเวลาห้าวันนี้ ถึงแม้ว่าคุณยายจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้สักคำ และภาษาโปรตุเกสของฉันก็ไม่กระดิกหู ฉันก็ได้สร้างความสัมพันธ์อันดีกับสุภาพสตรีท่านนี้ที่พักอยู่ชั้นล่างถัดจากฉัน และฉันก็ได้แค่หวังว่าจะมีโอกาสได้กลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับคุณยายอีกครั้งสักวันหนึ่ง

ซินตรา (Sintra)

เมืองซินตรา (Sintra) ประเทศโปรตุเกส
เมืองบนยอดเขาที่ดูราวกับว่าหลุดออกมาจากเทพนิยายอย่างซินตราเมืองนี้ เป็นทริปสั้นยามกลางวันที่ทำได้ง่ายๆ จากลิสบอน ปราสาทพีนา (Pena Castle) โด่นเด่นและดึงดูดความสนใจได้มากที่สุดด้วยสีพาสเทลหวานๆ และสถาปัตยกรรมที่เหมือนอยู่ในความฝัน โอ.. เหมือนว่าฉันได้เป็นราชินีโปรตุเกสยังไงอย่างนั้นเลย

ที่มา: ติดตามการเดินทางของลาริสสา (Larissa) และผลงานการถ่ายภาพผ่านไอโฟนของเธอได้ที่บล็อก The Blonde Gypsy

เที่ยวกาลาปากอสกันเถอะ

กาลาปากอส ปลายทางในฝันของนักผจญภัย


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นหูกับ "กาลาปากอส" หรือ "หมู่เกาะกาลาปากอส" (Galapagos Island) แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าเกาะกาลาปากอสมีอะไรน่าสนใจบ้าง อีกทั้งเรื่องการเดินทาง สิ่งมีชีวิตบนเกาะ รวมถึงที่พัก ฯลฯ วันนี้กระปุกดอทคอมขออาสาพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับหมู่เกาะกาลาปากอส เผื่อเป็นไอเดียที่เที่ยวสุดท้าทายของนักท่องเที่ยวขาลุยค่ะ
 กาลาปากอส ปลายทางในฝันของนักผจญภัย

 ภูมิศาสตร์ เกาะกาลาปากอส


          เกาะกาลาปากอส ตั้งอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตร เป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิก และเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเอกวาดอร์ ซึ่งอยู่ไกลจากฝั่งเอกวาดอร์ประมาณ 965 กิโลเมตร และหมู่เกาะกาลาปากอสยังประกอบไปด้วยเกาะเล็ก-ใหญ่มากมาย ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด 7,994 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ในทะเล 59,500 ตารางกิโลเมตร ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า ในปี ค.ศ. 1835 ชาร์ล ดาร์วิน ได้ล่องเรือบีเกิลออกไปและใช้ชีวิตอยู่บนหมู่เกาะกาลาปากอสเพื่อศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิต กระทั่งเขาได้ตีพิมพ์หนังสือที่บันทึกเรื่องราวการเดินทางของตนเองออกไป จึงเป็นผลทำให้หมู่เกาะกาลาปากอสเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้น

 กาลาปากอส ปลายทางในฝันของนักผจญภัย

 ด้านสภาพอากาศบนหมู่เกาะกาลาปากอสจะเป็นเป็น 2 ฤดู ได้แก่

           1. ฤดูแล้งของหมู่เกาะกาลาปากอส : เดือนมิถุนายน-เดือนธันวาคม ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคมจัดเป็นฤดูแล้งของหมู่เกาะกาลาปากอส แต่พืชพรรณบริเวณที่ราบสูงบนเกาะยังคงเขียวขจีและมีฝนตกเล็กน้อย ซึ่งในช่วงนี้เองคุณจะได้สัมผัสกับท้องฟ้าแจ่มใส รวมทั้งเพลิดเพลินไปกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อีกทั้งฝูงนกนานาชนิดที่บินอยู่เหนือท้องทะเล

           2. ฤดูอบอุ่น : ปลายเดือนธันวาคม-พฤษภาคม ในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงเดือนพฤษภาคมจะมีฝนตกแทบทุกวันและมีเมฆมาก แต่ในช่วงกลางวันอุณหภูมิในน้ำทะเลจะอุ่นขึ้น จึงเหมาะแก่การว่ายน้ำชมปะการัง พร้อมสำรวจสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล อีกทั้งบรรดาสัตว์ป่าต่าง ๆ ที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจได้แน่นอน

 กาลาปากอส ปลายทางในฝันของนักผจญภัย

 สิ่งมีชีวิตบนเกาะกาลาปากอส

          บนหมู่เกาะกาลาปากอสมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มากมายหลากหลายสายพันธุ์ทั้งพืชและสัตว์ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละชนิดหาดูไม่ได้ในที่อื่น ๆ เลยค่ะ และเราก็มีตัวอย่างของพืชและสัตว์บางชนิดมาบอกเล่ากัน

 กาลาปากอส ปลายทางในฝันของนักผจญภัย

           1. เต่ากาลาปากอส : แน่นอนว่า เต่ากาลาปากอส หรือที่เรียกกันว่า เต่ายักษ์กาลาปากอส เป็นสิ่งมีชีวิตอันดับต้น ๆ ที่ทุกคนคุ้นหูหรือคุ้นตากับรูปลักษณ์ของมันผ่านสื่อต่าง ๆ และยังเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มีอายุยืนที่สุดในโลกด้วย อีกทั้งยังมีลำตัวขนาดใหญ่ โดยมีความยาวกว่า 1.8 เมตร และมีน้ำหนักตัวถึง 400 กิโลกรัมทีเดียว ซึ่งเต่ากาลาปากอสจะแบ่งเป็นเต่าบกและเต่าทะเล ซึ่งคุณสามารถพบเต่าบกยักษ์ได้ตลอดทั้งปี ส่วนเต่าทะเลนั้นจะพบในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมิถุนายน และสำหรับเต่าทะเลเพศผู้จะอยู่ในทะเลตลอดทั้งฤดูกาล ส่วนเต่าเพศเมียจะขึ้นมาวางไข่บริเวณหาดทรายค่ะ

           2. นก : นับเป็นสวรรค์ของคนชอบดูนกเช่นกัน เพราะหมู่เกาะกาลาปากอสเป็นศูนย์รวมของนกหายากหลากสายพันธุ์ ได้แก่

 กาลาปากอส ปลายทางในฝันของนักผจญภัย

          - นกสายพันธุ์ Blue Footed booby ที่มีลักษณะเด่น คือ เท้าของมันจะมีสีฟ้า

          - นกสายพันธุ์ Nazca booby ที่อพยพมาจากที่อื่น และยังเป็นหนึ่งในสายพันธุ์นกบนหมู่เกาะกาลาปากอสที่มีขนาดใหญที่สุดด้วย

          - นกสายพันธุ์ Flightless cormorant อยู่ในวงศ์นกกาน้ำ และคาดว่าเป็นนกกาน้ำสายพันธุ์เดียวในโลกที่ไม่สามารถบินได้

          - นกสายพันธุ์ Red footed booby เป็นนกที่มีความสวยงามและมีหลากสีสัน ซึ่งมีเท้าสีแดง ปากสีฟ้า และเปลือกตาสีฟ้าเข้ม สีดำ และสีม่วง

 กาลาปากอส ปลายทางในฝันของนักผจญภัย

          - นกสายพันธุ์ Frigatebird นกที่มีลักษณะแปลกตา โดยมีคอสีแดง และสามารถขยายให้พองได้ด้วย

 กาลาปากอส ปลายทางในฝันของนักผจญภัย

           3. อิกัวน่า : สัตว์ที่มีลักษณะคล้ายกิ้งก่า ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ที่หาดูไม่ได้ในที่อื่น ได้แก่ สายพันธุ์ Marine Iguana ที่คุณจะพบได้ที่หมู่เกาะกาลาปากอสเท่านั้น

           4. ปลา : นอกจากสัตว์บกแล้วสัตว์น้ำใต้ท้องทะเลจะทำให้คุณทึ่งในความสวยงามได้เสมอ อย่างเช่น ปลาปะการัง, ปลาฉลามหัวค้อน, ฉลามขาว หรือวาฬ ฯลฯ


 กาลาปากอส ปลายทางในฝันของนักผจญภัย

 กาลาปากอส กิจกรรม
         นอกจากทิวทัศน์อันสวยงามของกาลาปากอสที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินแบบไม่มีเบื่อแล้ว คุณสามารถเพิ่มประสบการณ์ดี ๆ กับทริปกาลาปากอสด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่

           1. ปีนเขา : อีกหนึ่งกิจกรรมอันน่าสนใจและไม่ควรพลาดหากมาเยือนกาลาปากอส เพราะคุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติแบบใกล้ชิดขึ้นไปอีก รวมทั้งพืชพรรณต่าง ๆ ที่หาดูได้ที่นี่ที่เดียว

           2. ดำน้ำ : แน่นอนว่ากิจกรรมที่ดึงดูดผู้มาเยือนมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นการว่ายน้ำ ชมแนวปะการังอันสมบูรณ์ และเรียนรู้โลกใต้ทะเลแบบไม่มีเบื่อ

           3. ส่องสัตว์ : สัตว์บางชนิดก็ไม่ได้ออกมาเพ่นพ่านให้เราเห็นกันง่าย ๆ ซึ่งคุณจำเป็นจะต้องเดินทางไปสำรวจสักหน่อย โดยเฉพาะเต่าบกยักษ์ที่รอให้คุณมาเห็นกับตาในป่าซานตาครูซและป่าอื่น ๆ ค่ะ

           4. ล่องเรือ : มากาลาปากอสทั้งทีต้องเที่ยวให้คุ้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่องเรือจากเกาะโน้นมาเกาะนี้ จะทำให้คุณได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่หลากหลาย รวมทั้งชายหาดที่สวยงามด้วย

 กาลาปากอส ปลายทางในฝันของนักผจญภัย

  ไปกาลาปากอสช่วงไหนดี
          แม้ว่ากาลาปากอสจะเป็นจุดหมายปลายทางที่การเดินทางไม่สะดวกนัก แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาตลอดทั้งปีในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม และเดือนกันยายนถึงตุลาคมจะเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวน้อย บรรดาเรือรับจ้างจึงต้องลดราคาค่าตั๋วลงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว กลับกันในช่วงเดือนอื่น ๆ ที่เหลือเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยือนค่อนข้างมาก และช่วงเดือนดังกล่าวคุณจำเป็นต้องจองเรือไว้ล่วงหน้าหลายเดือนเลยทีเดียว
 กาลาปากอส ที่พัก

          อย่างที่บอกข้างต้น คือ เกาะกาลาปากอสประกอบด้วยเกาะเล็ก-ใหญ่มากมาย ซึ่งแต่ละเกาะก็จะมีที่พักบนเกาะนั้น ๆ ด้วย และเราก็มีรายชื่อที่พักบนเกาะย่อยในหมู่เกาะกาลาปากอส มาแนะนำกันค่ะ
   
           รายชื่อที่พักบนเกาะ Santa Cruz Island

           รายชื่อที่พักบนเกาะ San Cristobal Island

            รายชื่อที่พักบนเกาะ Isabela Island

           รายชื่อที่พักบนเกาะ Floreana Island


 กาลาปากอส ปลายทางในฝันของนักผจญภัย
 
 การเดินทาง กาลาปากอส

          เนื่องจากในประเทศไทยยังไม่มีสายการบินใดที่ให้บริการบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ-เอกวาดอร์ ดังนั้น คุณจะต้องขึ้นเครื่องบินไปลงที่อัมเตอร์ดัม จากนั้นต่อเครื่องไปลงสนามบินกีโต (Quito) หรือเมืองกวายากิล (Guayaquil) ในเอกวาดอร์ แล้วจึงต่อเรือไปยังเกาะ ซึ่งหากคุณต้องการทัวร์หลายเกาะคงต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ เพราะแต่ละเกาะค่อนข้างไกลกันจึงต้องใช้เวลาพอสมควรเลย ทั้งนี้ ดูรายละเอียดการเดินทางเพิ่มเติมได้ทาง galapagosislands