วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เคล็ดลับอ่านหนังสือให้จำได้!!!!!!!!!

10 เคล็ดลับ จำง่าย การอ่านหนังสือสอบ CoolYellLaughing
1. ปิด ทีวี คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต mp3 มีสติอยู่กับหนังสือ
2. นั่งสมาธิสัก 5 นาที
3. อ่านหนึ่งรอบ แล้วสรุป โดยไม่เปิดหนังสือ
4. เช็คคำตอบ
5. อ่านอีกหนึ่งรอบ
6. สรุปใหม่ เปิดหนังสือได้เอาไว้อ่าน
7. ถ้าทำเป็น Mind Mapping จะอ่านง่ายขึ้น
8. มีเอกสารอะไรที่ครูแจก อย่าคิดว่าไม่สำคัญ
9. ท่องในส่วนที่ครูพูดย้ำบ่อยๆ อย่างน้อย 2 ครั้ง/คาบ
10. ก่อนวันสอบ ห้ามหักโหมอ่านหนังสือถึงเที่ยงคืน เพราะสมองจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
5 เคล็ดลับการอ่านหนังสือสอบวิธีอ่านหนังสือ  แบบว่าอยากสอบผ่าน....
1. คนที่อ่านหนังสือคนเดียวมักจะเสียเปรียบ คนที่อ่านเป็นกลุ่มมักจะได้เปรียบ เนื่องจากอ่านคนเดียวอาจเข้าใจคลาดเคลื่อน หรืออ่านไม่ตรงจุด หรือ(บางคน)อาจอ่านไม่รู้เรื่อง ถ้าอ่านเป็นกลุ่มโอกาสอ่านผิดจุดจะยากขึ้น และยังพอช่วยกันฉุดได้
   ** แต่วิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับคนชอบแชตนะค่ะ อิอิ
2. ควรอ่านเองที่บ้านก่อน 1 รอบ และจับกลุ่มติว เสร็จแล้วกลับไปอ่านทบทวนเองที่บ้านอีก 1 รอบ (ต้องรับผิดชอบตัวเอง)
3. ผลัดกันติว ใครเข้าใจเรื่องใดมากที่สุดก็ให้เป็นผู้ติว ข้อสำคัญ อย่าคิดแต่จะเป็นผู้รับอย่างเดียว จงคิดว่าเป็นผู้ให้ก่อน แล้วคนอื่น (ถ้าไม่แล้งน้ำใจเกินไป) ก็จะให้ตอบเอง
4. ผู้ติวจะได้ทบทวนเนื้อหา และจะรู้ว่าตัวเองขาดอะไร บกพร่องอะไร จากคำถามของเพื่อนที่สงสัย บางครั้งเพื่อนก็สามารถเสริมเติมเต็มในบางจุดที่ผู้ติวขาดหายได้
5. การติวจะทำให้เกิดการ Share ความคิด และฝึกวิธีทำงานร่วมกับผู้อื่น ช่วยพัฒนาทั้งด้าน IQ และ EQ (อ่านเองจะพัฒนาแต่ IQ)
1ข้อที่ 1. น้องๆต้องใส่ใจเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก่อนเลยล่ะ ดูซิ!!!ว่าวิชาไหนน่ะที่เราต้องสอบเป็นอันดับแรกๆ หยิบวิชานั้นขึ้นมาก่อนเลย เตรียมไว้นะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับวิชาที่จะสอบ ชีท เอกสารต่างๆ หรือแนวข้อสอบ(อันนี้สำคัญนะค่ะ หาให้เจอล่ะ) ค้นเลยๆ ทุกวิชานะค่ะ
ข้อที่ 2.แยกหมวดหมู่แต่ละวิชา ก่อน-หลัง แล้วหาที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบด้วยล่ะ
1ข้อที่ 3.เตรียม ดินสอ/ปากกา สมุด และปากกาเน้นข้อความไว้ด้วยนะ
ข้อที่ 4.เริ่มอ่านวิชาที่จะต้องสอบก่อนเป็นวิชาแรกเลยค่ะ ตรงนี้แหละสำคัญมาก น้องๆอย่าอ่านๆๆๆๆๆแล้วก็อ่านเพื่อให้จบ แบบผ่านๆนะค่ะ ต่อให้น้องๆอ่านสัก 10 รอบแล้วบอกคนอื่นๆว่า "ก็เค้าอ่านเป็นสิบๆรอบแล้วอ่ะ แต่ทำไมทำข้อสอบไม่ได้เลยน่ะ?"  อ่ะๆๆๆ!!! อ่านสัก 100 รอบก็ไม่ช่วยอะไรหรอกเจ้าค่ะ อ่านแล้วต้องทำความเข้าใจไปด้วย ตรงไหนที่คิดว่าสำคัญๆ น้องๆก็เน้นตรงจุดนั้นไว้ อาจจะใช้วิธีการจดบันทึกไว้ หรือ เน้นข้อความด้วยปากกาสีต่างๆก็ได้ค่ะ เพื่อว่าจะได้กลับมาอ่านอีกครั้ง
1ข้อที่ 5.นั้นงัยๆๆๆพี่บอกไปตะกี้เองนะค่ะว่าอย่าอ่านแบบผ่านๆ ดูสิ!!!น้องๆลองกลับไปอ่านข้อ 3 ใหม่สิค่ะ แล้วดูซิว่าที่ต่อจากข้อ 3 นะเป็นข้อที่เท่าไหร่ ข้อที่ 4หายไปๆๆๆๆ ส่วนน้องๆคนไหนสังเกตเห็นก่อนที่พี่เฉลย น้องก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของการอ่านหนังสือแล้วละค่ะ เก่งมากๆเลย ส่วนน้องๆคนไหนที่ไม่ทันได้สังเกต ก็เอาจุดนี้เนี่ยแหละค่ะไปลองปรับใช้กับการอ่านหนังสือดูตามที่พี่บอกไว้ในข้อที่ 5 นะค่ะ
1ข้อที่ 6.อ่ะ ต่อๆๆ การไม่ปล่อยให้ท้องว่างก็เป็นสิ่งสำคัญนะค่ะ ถ้าน้องๆอ่านๆๆๆหนังสืออย่างเดียวจนลืมทานข้าวแล้วละก็ นอกจากน้องๆ จะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแล้ว อาจจะทำให้ป่วย และทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ด้วยนะจ๊ะ สำคัญเลย ต้องหาอะไรทานเมื่อท้องว่างด้วยน้า...อย่าทรมาณตัวเองละ
1ข้อที่ 7.ในการอ่านหนังสือ น้องๆควรเลือกเวลาที่รู้สึกว่าสมองเราพร้อมจะทำงานด้วยนะจ๊ะ แล้วเมื่อน้องๆรู้สึกว่าเริ่มอ่านไม่ไหวแล้วล่ะ อ่านนานมากไปทำให้ปวดตา ปวดหัว ให้น้องๆพักก่อน อาจจะหาอย่างอื่นทำ เช่นพักสายตาโดยการหาเพลงเพราะๆฟัง(อ่ะๆๆๆเลือเพลงที่ฟังแล้วจรรโลงใจด้วยละ ถ้าฟังเพลงที่หนักไป อาจทำให้ยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่รู้ด้วยนะเจ้าค่ะ) จะดูทีวี เล่นเกม หรือกิจกรรมอื่นๆที่ทำแล้วผ่อนคลายก็หามาลองทำกันดูนะเจ้าค่ะ แต่ๆๆๆๆแล้วก็แต่...อย่าพักจนเพลินละ เมื่อถึงเวลาที่ร่างกายผ่อนคลายเพียงพอแล้วก็กลับเข้าสู่โหมดการอ่านหนังสือต่อเลยยย (เอาน่าๆทนเอาหน่อยนะเจ้าค่ะ สอบไม่ได้มีมาบ่อยๆ ตั้งใจให้สุดๆไปเลย)
ข้อที่ 8.นั้นแน่ๆ พี่รู้นะว่าน้องๆเริ่มใส่ใจในรายละเอียดในการอ่านกันบ้างแล้ว คงคิดใช่มั้ยละ ว่าพี่จะแกล้งทำให้ข้อไหนหายไปอีกน่ะ!!! ดีแล้วค่ะถ้าน้องๆคิดแบบนี้นะ เป็นการฝึกตัวเองไปด้วย ให้เป็นคนรอบคอบ ดีค่ะๆ อ่ะต่อๆ
1ข้อที่ 9.อ้า....อ่านไม่ทันแล้วอ่ะ!!!ทำไงดีๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนๆคนอื่นๆเกือบทุกคนละค่ะ ที่สำคัญเลย อย่าตื่นเต้นจนรนล่ะ ตั้งสตินะค่ะตรงนี้สำคัญมากๆเลย ให้น้องๆหยุดอ่านหนังสือต่อสักพักนึง แล้วดูซิว่า...พรุ่งนี้เราสอบวิชาอะไรบ้าง แล้วหยิบวิชาที่สอบเป็นวิชาแรกมาอ่านทบทวนก่อนเลย แล้วก็ทบทวนวิชาอื่นๆต่อไป (ตรงถ้าคิดว่ากลัวอ่านไม่ทันรอบทบทวนให้น้องๆอ่านในส่วนที่เน้น ที่สำคัญๆเอาไว้ก่อนเลย จำได้มั้ยเอ๋ยว่าในการอ่านรอบแรกพี่ให้น้องๆจดบันทึกที่สำคัญๆไว้ที่คิดว่าน่าจะออก หรือส่วนที่มันยาก จำไม่ได้ก็นำมาอ่านก่อนเลย ตรงส่วนไหนที่น้องๆจำได้ หรือเข้าใจก็เปิดผ่านๆเลยค่ะ ตอนนี้เราต้องทำเวลาแหละน่ะ)
1ข้อที่ 10.เอาละ...อ่านหนังสือสอบก็ต้องฟิสหน่อย น้องๆบางคนอาจจะอ่านหนังสือเร็วและเข้าใจง่ายทำให้การอ่านหนังสือไม่ค่อยมีปัญหาเลยก็ดีไป ส่วนน้องคนไหนเป็นคนที่อ่านหนังสือช้าก็ต้องขยันกว่าคนอื่นๆหน่อยแล้ว อาจจะทำให้อ่านหนังสือไม่ทัน ทำให้ต้องนอนดึกหน่อย ก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะค่ะ หานมอุ่นๆหรือของว่างทานสักนิดนึง ใส่ใจในสุขภาพหน่อยนะค่ะ เพราะเดี๋ยวน้องๆอาจป่วยได้ แล้วเป็นงัยน่ะ ไปสอบไม่ได้ แย่เลยน่ะเจ้าค่ะ สำคัญเลย ถ้าอ่านหนังสือไม่ทันแล้วจริงๆ แต่ร่างกายเราไม่ไหวแล้ว อย่าฝืนนะค่ะ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น รีบเตรียมตัวเข้านอนกันดีกว่าค่ะ ตื่นเช้ามาจะได้สดชื่น แถมถ้าเราตื่นเร็ว ก็จะมีเวลาอีกนิดในการทบทวนก่อนเข้าห้องสอบนะค่ะน้องๆ
จากพี่ นางฟ้าซาตาน

เทคนิค 6 ข้อ ที่ควรทำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบให้ได้ผล ใน 1 เดือน ซึ่งอาจจะมีข้อสำคัญสำหรับน้องๆ คือ การเลิก Chat ไปสักระยะ (แหม ข้อนี้ทำร้ายจิตใจกันจริงๆ นะคะ) แต่ก็นั่นล่ะค่ะ แชทมากไปก็ไม่ดี น้องๆ ก็รู้อยู่ แชทพอให้หายเครียดก็คงเป็นทางสายกลางที่น่าจะทำนะคะ.. เอ๊า มาดูกัน ว่ามีเทคนิคอะไรน่าสนใจบ้าง
1.ต้องเลิกเที่ยว เลิกดื่ม เลิกสร้างบรรยากาศที่ไม่ใช่การเตรียมสอบ เลิก chat ตอนดึกๆ เลิกเม้าท์โทรศัพท์นานๆ ตัดทุกอย่างออกไป ปลีกวิเวกได้เลย ต้องทำให้ได้ ถ้าไม่ได้อย่าคิดเลยว่าจะสอบติด ฝันไปเถอะ
2.ตัดสินใจให้เด็ดขาด ว่าต่อไปนี้จะทำเพื่ออนาคตตัวเองบอกเพื่อน บอกพ่อแม่ บอกทุกคนว่า อย่ารบกวน ขอเวลาส่วนตัว จะเปลี่ยนชีวิต จะกำหนดชีวิตตัวเอง จะกำหนดอนาคตตัวเอง เพราะเราต้องการมีอนาคตที่กำหนดได้ด้วยตัวเอง ใช่หรือไม่
3.ถ้าทำ 2 ข้อไม่ได้ อย่าทำข้อนี้ เพราะข้อนี้คือ ให้เขียนอนาคตตัวเองไว้เลยว่า จะเรียนต่อคณะอะไร จบแล้วจะเป็นอะไร เช่น จะเรียนพยาบาล ก็เขียนป้ายตัวใหญ่ๆ ติดไว้ข้างห้อง มองเห็นตลอดเลยว่า "เราจะเป็นพยาบาล" จะเรียนแพทย์ก็ต้องเขียนไว้เลยว่า "ปีหน้าจะไปเหยียบแผ่นดินแพทย์ศิริราช-จุฬา" อะไรทำนองนี้ เพื่อสร้างเป้าหมายให้ชัดเจน
4.เตรียมตัว สรรหาหนังสือ หาอาจารย์ติว หาเพื่อนคนเก่งๆ บอกกับเค้าว่าช่วยเป็นกำลังใจให้เราหน่อย ช่วยเหลือเราหน่อย หาหนังสือมาให้ครบทุกเนื้อหาที่จะต้องสอบ เตรียมห้องอ่านหนังสือ โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ ให้พร้อม
5.เริ่มลงมืออ่านหนังสือ เริ่มจากวิชาที่ชอบ เรื่องที่ถนัดก่อน ทำข้อสอบไปด้วย ทำแบบฝึกหัดจากง่ายไปยาก ค่อยๆ ทำ ถ้าท้อก็ให้ลืมตาดูป้าย ดูรูปอนาคตของตัวเอง ต้องลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่างน้อยวันละ 10 ชั่วโมง แล้วจะทำได้ไง วิธีการคือ อ่านทุกเมื่อที่มีโอกาส อ่านทุกครั้งที่มีโอกาส หนังสือต้องติดตัวตลอดเวลา ว่างเมื่อไรหยิบมาอ่านได้ทันที อย่าปล่อยให้ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร ที่สำคัญอ่านแล้วต้องมีโน้ตเสมอ ห้ามนอนอ่าน ห้ามกินขนม ห้ามฟังเพลง ห้ามดูทีวี ห้ามดูละคร ดูหนัง อ่านอย่างเดียว ทำอย่างจริงจัง
6.ข้อนี้สำคัญมาก หากท้อให้มองภาพอนาคตของตัวเองไว้เสมอ ย้ำกับตัวเองว่า "เราต้องกำหนดอนาคตของตัวเอง ไม่มีใคร กำหนดให้เรา เราต้องทำได้ เพราะไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้" ให้กำลังใจกับตัวเองอยู่เสมอ บอกกับตัวเองอย่างนี้ทุกวัน หากท้อ ขอให้นึกว่า อย่างน้อยก็มีผู้เขียนบทความนี้เป็นกำลังใจให้น้องๆ เสมอ นึกถึงภาพวันที่เรารับปริญญา วันที่เราและครอบครัวจะมีความสุข วันที่คุณพ่อคุณแม่จะดีใจที่สุดในชีวิต ต่อไปนี้ต้องทำเพื่อท่านบ้าง อย่าเห็นแก่ตัว อย่าขี้เกียจ อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง เลิกนิสัยเดิมๆ เสียที
เคล็ดลับวิธีทำความเข้าใจและจดจำบทเรียนได้อย่างแม่นยำ
เคล็ดลับการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียนนี้ เป็นเทคนิคง่าย ๆ นักเรียนนักศึกษาสามารถนำไปปฏิบัติได้ทุกคน ขอแต่เพียงเข้าใจเคล็ดลับวิธีการเท่านั้นเอง หัวใจสำคัญของการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียน คือ การหมั่นฝึกฝนตามขั้นตอนให้เกิดความเคยชินจนติดกลายเป็นนิสัยการอ่านเพื่อทำความเข้าใจนี้จะแตกต่างจากการอ่านเพียงเพื่อท่องจำ
1. เวลาอ่านบทเรียนหรือตำรา ให้อ่านอย่างตั้งใจ แต่ทว่าเราจะไม่อ่านไปเรื่อย ๆ คือเราจะ หยุดอ่านเมื่อจบย่อหน้าหรือหยุดเมื่ออ่านไปได้พอสมควรแล้ว
2. จากนั้นให้ปิดหนังสือ ! แล้วลองอธิบายสิ่งที่ตนเองได้อ่านมาให้ตัวเองฟัง คือ เราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังด้วยภาษาสำนวนของเราเอง ฟังแล้วเข้าใจหรือเปล่า หากเราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังรู้เรื่อง แสดงว่าเราเข้าใจแล้ว ให้อ่านต่อไปได้

3. หากตอนใดเราอ่านแล้วแต่ไม่สามารถอธิบายให้ตัวเองรู้เรื่อง แสดงว่ายังไม่เข้าใจ ให้กลับไปอ่านทบทวนใหม่อีกครั้ง

4. หากเราพยายามอ่านหลายรอบแล้วยังไม่เข้าใจจริงๆให้จดโน้ตไว้เพื่อนำไปถามอาจารย์ จากนั้นให้อ่านต่อไป

5. ข้อมูลบางอย่างในตำราจำเป็นที่จะต้องท่องจำ เช่น ตัวเลข สถิติ ชื่อสถานที่ บุคคล หรือ สูตร ต่าง ๆ ฯลฯ ก็ควรท่องจำไว้ด้วย เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

6. การเรียนด้วยวิธีท่องจำโดยปราศจากความเข้าใจ เรียนไปก็ลืมไป สูญเสียเวลา เปล่าประโยชน์ เสียเงินทอง

7. การเรียนที่เน้นแต่ความเข้าใจ โดยไม่ยอมท่องจำ ก็จะทำให้เราเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ไม่ชัดเจน คลุมเครือ

8. ดังนั้นจึงขอสรุปเทคนิคง่าย ๆ สั้น ๆ ดังต่อไปนี้ :-
          ก.ให้อ่านหนังสือ สลับกับ การอธิบายให้ตัวเองฟัง
          ข.ให้ท่องจำเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นต้องจำจริง ๆ เช่น ตัวเลข ชื่อเฉพาะต่างๆ 
อ่านหนังสือด้วยวิธีการนี้จะทำให้เราเข้าใจบทเรียนได้ทั้งเล่ม ไม่ลืมเลย...สวัสดี 
หมายเหตุ * เทคนิคการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียนได้อย่างแม่นยำนี้ เป็นเพียงข้อเดียว (อรรถปฏิสัมภิทา) ในธรรมะชุดปฏิสัมภิทา 4 หรือ ธรรมะเพื่อความเลิศทางวิชาการ จาก พระไตรปิฎกมรดกทางปัญญาที่สำคัญที่สุดของคนไทย )
เคล็ดลับ 13 ประการ เพื่อ การเรียน อย่างมี
ประสิทธิภาพ
1. รับผิดชอบ
  - รับผิดชอบตนเอง ไม่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ เป็นผู้ชนะจากความสามารถของตน
2. เริ่มต้นดี  - ช่วงเดือนแรกในรั้วมหาวิทยาลัย ถือเป็นช่วงวิกฤตของน้องใหม่ หากเริ่มต้นดี ความสำเร็วจะไม่อยู่ไกลเกินเอื้อม
3. กำหนดเป้าหมายในการเรียนอย่างแน่วแน่  - กำหนดเป้าหมายในการเรียนให้ชัดเจน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว และทุ่มเทความพยายามให้บรรลุเป้าหมายนั้น
4. วางแผน และจัดการ
  - มีการวางแผน จัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมที่ต้องทำ หากทำตารางเวลาเป็นรายสัปดาห์ได้ยิ่งดี
5. มีวินัยต่อตนเอง  - เมื่อกำหนดเป้าหมาย วางแผน และจัดการ ตามข้อ 4 และ 5 แล้วต้องสัญญากับตนเองอย่างแน่วแน่ที่จะมีวินัย และปฏิบัติตาม 
6. อย่าล้าสมัย
  - วิทยาการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การค้นคว้าหาความรู้ ต้องอิงกับข้อมูลที่ทันสมัย ทันเหตุการณ์
7. ฝึกฝนตนเองให้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
  - ศึกษาข้อเสนอแนะในคู่มือเล่มนี้ และฝึกทักษะการเรียนรู้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ติดตัวตลอดไป
8. เตรียมพร้อมเพื่อเข้าสู่ชั้นเรียน
  - เตรียมตัวเป็นผู้ใฝ่หาความรู้อย่างแข็งขัน หากเป็นไปได้เตรียมอ่านเอกสารที่จะเรียนมาก่อนเข้าห้องเรียน
9. มุ่งมั้น จดจ่อต่อบทเรียน
  - มีสมาธิ สนใจ ตั้งใจ เวลาอาจารย์สอน ไม่เข้าเรียนเพื่อพูดคุยกัน ซังกะตาม รอเวลาเลิกชั้น 
10. เป็นตัวของตัวเอง
  - รู้จักคิดและทำ ด้วยความสามารถของตนเองคิดเสมอว่าเราเป็นผู้หนึ่งที่มีศักยภาพสูง
 11. มีความกระตือรือล้น
  - ความสำเร็จเป็นของผู้ที่มีความริเริ่ม เป็นฝ่ายรุกที่จะมุ่งหน้า และคว้าความสำเร็จเป็นของตน
12. มีสุขภาพดี
  - อย่าลืมใส่ใจต่อสุขภาพร่างกาย กิจกรรมนันทนาการ และกิจกรรมสังคม วางแผนจัดเวลาต่อสิ่งเหล่านี้ให้พอเหมาะ
13. เรียนอย่างมีความสุข
  - พยายามเก็บเกี่ยวความน่าสนใจในบทเรียน คิดเสมอว่าทุกวิชาน่าเรียนรู้ น่าสนุกทั้งนั้น แล้วท่านจะพบว่า เราก็เรียนอย่างมีความสุขได้

4 ขั้นตอน การจัดตารางการอ่านหนังสือ
จริงๆ แล้วการอ่านหนังสือตอนที่พี่อ่านเตรียมสอบ ไม่ได้จัดตารางเลยครับ เพราะเคยทำแล้ว ทำไม่ได้ แล้วจะอ่านให้มีประสิทธิภาพทำอย่างไร ตอบได้คำเดียวครับ "อ่านเมื่ออยากอ่าน" แต่ต้องไม่ใช่ว่ามีแต่ไม่อยากอ่านนะ ต้องทำให้อยากอ่านบ่อยๆ อยากอ่านมากๆ อยากรู้มากๆ เพื่อให้การอ่านมีประสิทธิภาพครับ อ่านทุกเวลาที่สามารถทำได้นั่นแหละดีที่สุด
เพื่อนพี่เคยติดสูตรไว้ในห้องน้ำ พกสูตรติดตัว พกโน้ตย่อไว้ที่กระเป๋าเสื้อตลอดเวลา บางคนมีหนังสือติดตัวทุกที่ เพื่อให้ อยากอ่านเมื่อไร ก็หยิบขึ้นมาอ่านได้ทันที ไม่ต้องรอเวลา ไม่ต้องจัดตารางเอาละ แล้วถ้าจะจัดตารางเวลาอ่านหนังสือ จะทำยังไงดี พี่ขอว่าเป็นข้อๆ เลยดีกว่าครับ
1. เลือกเวลาที่เหมาะสม
เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน น้องต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเองนะครับ การจัดเวลาต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงครับ วันนึงถ้าอ่านหนังสือแค่วันละ 2 ชั่วโมงน้อยมาก
2. วางลำดับวิชาและเนื้อหาขั้นตอนต่อมา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะครับ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่า การอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
3. ลงมือทำ
ยังไง ถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เหมือนกับที่พี่เคยเขียนไว้ว่า อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะครับ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ "ทำอะไร ทำจริง" แล้วกันนะครับ ทำให้ได้จริงๆ
4. ตรวจสอบผลงานผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะครับ จะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ
อยากจะบอกว่าช่วงนี้ยังมีเวลาเพียงพอสำหรับการเริ่มต้นที่ดี ยังไม่สายเกินไปหากคิดจะเริ่มอย่างจริงจัง อย่าอ่านเพียงแค่ได้เปิดหนังสือ อย่าโกหกตัวเองว่าได้อ่านแล้ว อย่าหลอกตัวเอง อย่าหลอกคนอื่น ความรู้ไม่สามารถลอกเลียนแบบกันได้ หลอกคนอื่นอาจหลอกได้ หลอกตัวเองไม่ได้แน่นอน คนที่รู้จักเรามากที่สุดก็คือ ตัวเราเองนี่แหละ ตั้งใจทำ ทำเพื่ออนาคตของตัวเองนะครับ
ขอให้โชคดีประสบความสำเร็จครับ
ฝึกการอ่านหนังสือ อย่างมีประสิทธิภาพ
การอ่านหนังสือไม่ใช่เพียงแค่อ่านข้อความตามตัวหนังสือที่มีไว้ในหนังสือให้จบเล่มเท่านั้น แต่การอ่านนั้นมีจุดประสงค์สำคัญคือการรับรู้ความหมาย และทำความเข้าใจกับข้อความที่เขียนเป็นตัวหนังสือ
การจะอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ นักศึกษาต้องรู้ว่าก่อนว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้อ่านหนังสือได้ขาดประสิทธิภาพ และ พยายามแก้ไขตามสาเหตุเหล่านั้น
สาเหตุที่ทำให้การอ่านหนังสือขาดประสิทธิภาพ มีดังนี้
  1. การอ่านทีละคำ
  2. การอ่านออกเสียง
  3. ปัญหาเกี่ยวกับศัพท์เฉพาะ
  4. การใช้วิธีเดียวกันตลอดในการอ่านทุกประเภท
  5. การใช้นิ้วชี้ข้อความตามไปด้วยในขณะอ่าน
  6. การอ่านซ้ำไปซ้ำมา
  7. การขาดสมาธิในการอ่าน
ข้อเสนอแนะที่ช่วยให้นักศึกษาอ่านอย่างมีประสิทธิภาพ
  1. ไม่อ่านทีละคำ
    การอ่านทีละคำทำให้อ่านหนังสือได้ช้า เพราะมุ่งหาความหมายของคำทีละคำ สามารถแก้ไขได้โดยตั้งใจไว้ว่า เมื่ออ่านหนังสือทุกครั้ง จะจับใจความสำคัญของประโยคด้วยการใช้สายตาเพียงครั้งเดียว และได้ความหมายทันที
  2. ไม่อ่านออกเสียง
    การอ่านหนังสือออกเสียงไปทีละตัว โดยทั่วไปติดมาจากนิสัยการอ่านสมัยชั้นประถม การอ่านออกเสียงไม่ว่าจะมีเสียงออกมาหรือมีเสียงในคอ การอ่านแบบนี้อ่านได้ช้าทั้งสิ้นเพราะมุ่งแต่ออกเสียงตามตัวหนังสือที่ปรากฎ การอ่านได้เร็วสามารถแก้ไขได้โดยพยายามทำให้การมอง เห็นรูปทรง และการประสมคำของตัวหนังสือ สามารถผ่านขั้นตอนการรับรู้ของเราไปสู่สมองได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาพินิจพิเคราะห์ว่า มันมีเสียงอะไรการแก้ไขให้ใช้นิ้วปิดปากในขณะอ่านตลอดเวลาจะทำให้อ่านได้ดีขึ้น และเมื่อปฏิบัติเช่นนี้จนติดเป็นนิสัยแล้ว จะพบว่าทำให้อ่านได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
  3. ไม่มีกังวลเกี่ยวกับศัพท์เฉพาะ
    การหยุดและกังวลเกี่ยวกับคำศัพท์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจะทำให้จังหวะในการอ่านและแนวคิดในการอ่านประโยคนั้นหายไป ดังนั้นแม้ว่าจะไม่รู้ศัพท์บางคำก็สามารถหาความหมายของศัพท์นั้นได้ โดยดูจากข้อความในประโยค ถ้าใช้ความคิดคิดตามตลอดเรื่อง
  4. ไม่ใช้วิธีเดียวกันตลอดในการอ่านทุกประเภท
    นักศึกษาควรใช้วิธีการอ่านที่แตกต่างกันในแต่ละเรื่องที่อ่าน เช่น อ่านเรื่องเบาสมองก็อ่านเร็วได้ ถ้าอ่านตำราวิชาการต้องใช้ความคิดพิจารณาเนื้อเรื่องก็ใช้เวลาอ่านนานขึ้นนั้นคือผู้อ่านต้องรู้จุดประสงค์ของเรื่องที่จะอ่านด้วย จึงจะได้ประโยชน์ที่แท้จริง
  5. ไม่ใช้นิ้วชี้ข้อความตามไปด้วยในขณะอ่าน
    จะทำให้อ่านได้ช้าลง การใช้สายตากวาดไปตามบรรทัดจะเร็วกว่าการใช้นิ้วชี้เพราะสายตาเคลื่อนที่เร็วกว่านิ้ว วิธีแก้นิสัยนี้อาจทำได้โดยใช้มือจับหนังสือหรือประสานมือกันไว้ในขณะอ่านหนังสือ
  6. ไม่อ่านซ้ำไปซ้ำมา
    การอ่านเนื้อเรื่องที่ไม่เข้าใจ เป็นการชี้ให้เห็นว่านักศึกษาไม่มั่นใจที่จะดึงเอาความสำคัญของเนื้อความนั้นออกมาได้ด้วยความสามารถของตนเอง เหตุนี้จึงทำให้อ่านช้าลงเพราะคอยคิดแต่จะกลับไปอ่านใหม่ แทนที่จะอ่านไปทั้งหน้าเพื่อหาแนวคิดใหม่ จงพยายามอ่านครั้งเดียวอย่างตั้งใจความคิดทั้งหลายจะค่อย ๆ มาเอง ไม่ต้องกังวลว่าตนเองอ่านไม่รู้เรื่อง
  7. มีสมาธิในการอ่าน
    การปล่อยให้ความตั้งใจและความคงที่ของอารมณ์ล่องลอยไปกับความคิดที่สอดแทรกเข้ามาขณะอ่าน จะทำให้ไม่ได้รับความรู้อะไรจากการอ่านเลย นักศึกษาจะต้องพัฒนาความสามารถ โดยฝึกจิตให้แน่วแน่มุ่งความสนใจอยู่ที่หนังสือเพียงอย่างเดียว
ความสามารถในการอ่านสามารถพัฒนาได้โดยการฝึกฝน ทำตาม ข้อเสนอแนะในการอ่านข้างต้น ถ้านักศึกษาพยายามฝึกฝนการอ่านให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อ่านให้ได้เร็วขึ้น ต่อไปนักศึกษาก็จะเป็นผู้ที่มีประสิทธิภาพในการเรียนและประสบผลสำเร็จในการศึกษา
เคล็ดลับง่ายๆสำหรับการสอบเอ็น
 

การสอบ Entrance เป็นกิจกรรมที่น้อง ๆ ม.ปลาย ต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
น้องที่กำลังศึกษาอยู่ ม. 6 ที่ต้องเก็บตัวเงียบเพื่อหาความรู้เพิ่มเติมให้มากในการนำไปสอบแข่งขัน เพื่อให้มีโอกาส
เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงต่อไป หากน้อง ๆ มีทักษะในการทำข้อสอบมากพอ ก็จะทำให้เกิดความ
มั่นใจและประสบความสำเร็จได้ ในการที่จะทำข้อสอบให้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจนั้น ต้องมีการวางแผนการศึกษาตั้ง
แต่เนิ่น ๆ ควรให้เวลากับการศึกษาอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ ซึ่งการสอบ Entrance ที่ผ่านมา น้อง ๆ แต่ละคนอาจ
จะมีเคล็ดลับการสอบที่แตกต่างกันแล้วแต่ว่าใครจะงัดอะไรออกมาสู้กัน (ด้วยความสุจริต) ซึ่งได้แก่ ทางไสยศาสตร์ การบนบานศาลกล่าว เพื่อเสริมสร้างกำลังใจ หรือ การมีเคล็ดลับการเดาข้อสอบต่าง ๆ ซึ่งก็แล้วแต่ความสะดวกของน้องๆ แต่ละคน ซึ่งฉบับนี้ได้นำเคล็ดลับง่าย ๆ สำหรับการสอบ Entrance มาฝากน้อง ๆ เพื่อให้การสอบเป็นไปอย่างราบรื่น

1. การเตรียมความพร้อมก่อนวันสอบ น้อง ๆ ต้องให้ความสำคัญกับตารางสอบให้มาก ๆ เพราะตารางสอบจะบ่งบอกถึง วัน เวลา วิชาที่สอบ และสถานที่สอบ ให้กับน้อง ๆ ตลอดจนการสำรวจสถานที่สอบก่อนไปสอบจริงด้วย เพราะหากน้อง ๆ ดูไม่ละเอียดถี่ถ้วนแล้ว นั่นหมายถึงว่าน้องได้ตัดโอกาสของตนเองด้วย ส่วนเรื่องอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอบ เช่น ดินสอ 2B หรือมากกว่านั้น เอกสารต่าง ๆ ที่ใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันว่าน้องเป็นคนสมัครและเป็นคนมาสอบด้วยตนเองให้พร้อม (ไม่ควรมาหาเอาตอนจะไปสอบจะไม่ทันกาล)

2. ความพร้อมของน้อง ๆ เอง โดยก่อนออกจากบ้านไปยังสถานที่สอบ น้อง ๆ ให้ความสำคัญกับการแต่งกายหรือยัง การแต่งกายต้องสุภาพเรียบร้อย (ชุดนักเรียน) ถูกต้องตามระเบียบการแต่งกายของนักเรียนระดับ ม. ปลายหรือยัง ถ้ายังสำรวจตัวเองก่อนที่คณะกรรมการผู้คุมสอบจะไม่อนุญาตให้เข้าห้องสอบนะคะ แล้วอย่าลืมอุปกรณ์และเอกสารที่เตรียมไว้นะ จะได้ไม่เสียเวลาและไม่ทำให้น้องหงุดหงิดได้ค่ะ อย่าลืมว่าต้องไปทักทายเพื่อน ๆ ก่อนเข้าห้องสอบประมาณครึ่งชั่วโมงด้วยนะ เพื่อลดความวิตกกังวลและรู้สึกผ่อนคลาย จะได้รู้สึกดีและมั่นใจในการสอบ

3. เมื่อเข้าห้องสอบนั่งนิ่ง ๆ ทำใจให้สบาย ฟังคำชี้แจงจากคณะกรรมการคุมสอบให้ละเอียด ไม่เข้าใจให้สอบถามทันที เขียนชื่อ - สกุล รหัส ในกระดาษคำตอบให้เรียบร้อยเสียก่อน เพราะถ้าลืม ต่อให้เก่งสักเท่าไร บวก ไสยศาสตร์ก็ช่วยอะไรน้อง ๆ ไม่ได้นะคะ

4. รวบรวมสติให้มั่น อ่านคำชี้แจงให้ชัดเจน และให้เข้าใจ พร้อมทั้งสำรวจว่าข้อสอบที่ได้มีจำนวนข้อ และจำนวนหน้าตรงตามคำชี้แจงที่ข้อสอบได้ระบุไว้หรือไม่ ถ้ามีปัญหาอะไรให้รีบแจ้งคณะกรรมการคุมสอบโดยเร็ว

5. น้องต้องวางแผนการใช้เวลาในการสอบทั้งหมด โดยคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาในการทำข้อสอบข้อละกี่นาที จึงจะเสร็จ น้อง ๆ ควรควบคุมและใช้เวลาในการทำข้อสอบตามแผนที่วางไว้ เพราะเมื่อพบข้อที่ยาก อาจจะทำให้ทั้งเวลาและความรู้สึกของน้องเสียไปได้

6. ให้น้อง ๆ รีบจดสาระสำคัญ เช่น สูตร หรือข้อความที่ต้องใข้ในวิชานั้น ๆ ลงในกระดาษคำถามก่อนที่ความตื่นเต้นจะทำให้ลืมไปเสียก่อน (แล้วอย่าเผลอไปจดใส่กระดาษอื่น ๆ ล่ะ เดี๋ยวเจอข้อหาทุจริตได้ จะหาว่าไม่เตือน)

7. ให้น้อง ๆ เลือกทำข้อสอบในส่วนของข้อที่ง่ายก่อน แล้วค่อยทำข้อสอบในส่วนที่ยากต่อไป เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง ในสถานการณ์ที่พบข้อที่ยากให้ทำเครื่องหมายและข้ามไปทำข้อถัดไปก่อนแล้วจึงย้อนกลับมาทำใหม่ ให้น้อง ๆ ระวังข้อคำถามหรือต้องเลือกที่มีคำที่เป็นปฏิเสธ หรือปฏิเสธซ้อนปฏิเสธให้ใช้ความละเอียดรอบคอบในการพิจารณาความหมายที่ถูกต้อง เพราะจะทำให้เสียคะแนนได้

8. น้องควรใช้ความรู้ในการทำข้อสอบและไม่ต้องสนใจกับรูปแบบของข้อที่ตอบให้มากนัก เช่น ตอบข้อ ก แล้ว ข้อถัดไปไม่ควรจะเป็นข้อ ก อีก เป็นต้น ให้น้องคำนึงถึงตัวเนื้อหาที่เป็นคำตอบที่ถูกต้องดีกว่า เพราะถ้าน้องยึดติดกับตัวรูปแบบของการตอบแล้ว อาจทำให้พลาดจากคะแนนที่ต้องการได้ค่ะ

9. การตอบปกติแล้วคำตอบที่คิดไว้เป็นครั้งแรกมักจะเป็นคำตอบที่ถูก แต่ถ้าหากจะเปลี่ยนคำตอบ ควรเปลี่ยนเมื่อแน่ใจจริง ๆ ว่าที่ตอบมาแล้วตอบผิด แต่หากไม่แน่ใจให้น้องคงคำตอบเดิมไว้นะคะ ความรู้ไม่เข้าใครออกใคร ความคิดของน้องครั้งแรกจะเป็นจะเป็นตัวช่วยเพิ่มคะแนนให้น้อง ๆ ได้คะ ถ้าเวลาในการทำข้อสอบเหลือพอที่จะทบทวนให้น้องย้อนกลับไปทบทวนเฉพาะข้อที่ยากและไม่เข้าใจ เพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง และถ้าข้อสอบที่มีตัวเลือกเหลือให้ต้องเดาต้องเดาอย่างมีหลักการของความถูกต้องนะคะ เพราะไม่งั้นคะแนนอาจติดลบได้ค่ะ แต่บางคนมีเคล็ดลับการเดาที่ดี คือ การมีพื้นฐาน ความรู้และประสบการณ์ ก็อาจทำแต้มขึ้นมาได้ค่ะ

10. แนวโน้มเนื้อหาในการสอบ Entrance และคะแนนของข้อสอบแต่ละวิชา จะมีน้ำหนักที่ต่างกันออกไป ค่าของคะแนนจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเนื้อหาที่ออกเป็นส่วนใหญ่ ข้อสอบที่นิยมนำมาทดสอบน้อง ๆ จะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ ข้อสอบแบบ ปรนัย และ ข้อสอบแบบอัตนัย ซึ่งน้อง ๆ บางคนอาจจะสับสนกับ คำว่า "ปรนัย" และ "อัตนัย" อยู่บ้าง "ปรนัย" คือ ข้อสอบที่มีคำถาม พร้อมตัวเลือกให้เลือกตอบ จำนวน 4 ตัวเลือก (ระดับมัธยมศึกษา) และ "อัตนัย" คือ ข้อสอบที่มีคำถาม เพียงอย่างเดียว แล้วให้น้องหาคำตอบจากการแสดงวิธีทำ เพื่อให้ได้คำตอบที่ต้องการ ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไปเนื้อหาของข้อสอบที่ใช้ จะวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ ของผู้เรียนมากกว่า โดยใช้หลักการของนักจิตวิทยาการศึกษา ชื่อว่า Benjamin S. Bloom (น้อง ๆ คงจะคุ้นเคยกับชื่อนี้มาบ้างแล้ว) ซึ่ง Bloom เองได้กำหนด พฤติกรรมการเรียนรู้ ไว้ดังนี้

10.1 ความรู้ ความจำ หมายถึง การวัดความสามารถในการระลึกได้ถึงประสบการณ์ที่เคยศึกษา
ความจำอาจเป็นการถามความเกี่ยวกับศัพท์ และนิยามกฎเกณฑ์ วิธีการ เป็นต้นโดยคำถามมักจะใช้
คำว่า อะไร ที่ไหน อย่างไร
10.2 ความเข้าใจ หมายถึง การวัดความสามารถในการแปลความ ตีความ และขยายความ
10.3 การนำไปใช้ หมายถึง การนำหลักวิชาไปใช้ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ใหม่
10.4 การวิเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการแยกแยะส่วนต่าง ๆของเหตุการณ์หรือเรื่องราวว่า
เป็นอย่างไร การวิเคราะห์ถึงความสำคัญ ความสัมพันธ์หรือหลักการเป็นต้น
10.5 การสังเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการรวบรวมสิ่งที่ศึกษาเข้าด้วยกันเป็นสิ่งใหม่ หรือรูป
แบบใหม่ อาจเป็นการสังเคราะห์ข้อความ การวางแผนงานล่วงหน้าหรือความสัมพันธ์ เป็นต้น
10.6 การประเมินค่า หมายถึงความสามารถในการพิจารณาตัดสินเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้ศึกษามาทั้ง
หมดว่าตัดสินได้ว่าอย่างไร โดยข้อสอบที่ นำมาทดสอบน้องในการสอบ Entrance แต่ละปีนั้น ก็มักจะ
นำพฤติกรรมการเรียนรู้ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นมาเป็นตัวทดสอบความรู้ของน้อง ๆ เอง โดยที่น้องต้องรู้
ว่าพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ทางผู้ออกข้อสอบนำมาใช้นั้น เป็นแนวใด และมีลักษณะเช่นไรแล้ว จะทำให้
น้อง ๆ มีแนวทางใน การเตรียมตัวอ่านหนังสือและเตรียมตัวสอบ Entrance ต่อไป

11. น้องๆ อย่าลืมตรวจสอบกระดาษคำตอบว่าได้ตอบทุกข้อคำถามและเลือกตอบเพียง 1 ตัวเลือกเท่านั้นก่อนส่งให้กรรมการคุมสอบด้วยนะคะ

12. หลังสอบเสร็จแล้วให้น้อง ๆ กลับไปทบทวนในข้อที่ยากหรือข้อที่ไม่แน่ใจทันที เพื่อเป็นการเรียนรู้จากข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนอีกครั้ง สำหรับในการสอบครั้งต่อไป


น้อง ๆ บางคน อาจจะเห็นความสำคัญของเนื้อหาในเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องธรรมดา แต่อย่าประมาทนะคะ เพราะ
ความประมาททำให้พลาดโอกาสมานักต่อนักแล้ว เตรียมตัวกันไว้แต่เนิ่น ๆ จะทำให้ไปเดินโก้ในมหาวิทยาลัยได้ค่ะ

"ความสำเร็จในทางการศึกษา มิได้มาเพราะโชคช่วย หรือด้วยคำพร่ำภาวนา แต่มาจากการไขว่คว้า พยายาม เอาจริงเอาจังและมีวินัย"

เผย...เคล็ดลับ!!! ความจำดี-อ่านและรู้แล้ว ให้ "รีบนอนให้หลับ"
เคล็ดให้ความจำระยะยาวฝังหัว พอรู้แล้วให้งีบ หลับกลางวันเสีย มีข้อแนะนำกับผู้ที่อ่านข่าวเรื่องนี้ว่า หากอยากจะจดจำให้ได้แม่น พออ่านจบแล้วให้ไปรีบนอนงีบให้หลับเสีย
นักวิจัยสมองของมหาวิทยาลัยไฮฟาของอิสราเอล ได้สำรวจพบวี่แววว่า การนอนช่วยเก็บงำความจำระยะยาวที่บางครั้งบางคราวมักจะผ่านไปเร็วให้ โดยเฉพาะหากได้ นอนกลางวันได้นาน 90 นาที จะได้ผลดีที่สุด
นายอาวี คาร์นี นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่า "เราก็ยังไม่รู้กลไกของขบวนการความจำที่เป็นไปตอนนอนหลับชัดเจนเหมือนกัน แต่ผลการวิจัยส่อว่า มันอาจจะเป็นไปได้ว่าช่วยเร่งฝังหัวไว้ให้เร็วขึ้น"
ความจำระยะยาว หมายถึงความจำที่คงอยู่กับเราได้แรมปี อย่างเช่น การได้รับอุบัติเหตุทางรถ หรือความจำในวิธีการต่างๆ เช่น การฝึกตีกลอง
เขารายงานผลการศึกษาวิจัยในวารสาร "ประสาทวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ" ของสหรัฐฯว่า ได้ทำการศึกษาโดยการบอกให้กลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม จดจำวิธีการบางอย่าง หลังจากนั้นให้กลุ่มที่หนึ่งงีบตอนบ่ายไปนาน 1 ชม. พบว่ากลุ่มที่ได้งีบ แสดงให้เห็นว่าทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้งยังพบด้วยว่า การหลับชั่ว 90 นาที ช่วยให้สมองเก็บงำความจำระยะยาวได้เร็วขึ้นมาก
ทายนิสัยจากการอ่านหนังสือ
 สิ่งที่จะทำให้รู้นิสัยของคนเรานั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างและ กริยาท่าทางหรือความสนใจในบางสิ่งก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถบ่งบอกนิสัยของคนเราได้เช่นกัน อย่างการอ่านหนังสือก็สามารถบ่งบอกได้เช่นกันนะ ลองมาดูกันนะคะว่าจะตรงกับนิสัยของคุณหรือเปล่า
1**สมมุติว่าเราหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่ม หากเราเปิดอ่านแค่คร่าว ๆ โดยไม่ได้ใส่ใจที่จะอ่านรายละเอียดมากนัก แสดงว่าเป็นคนใจร้อน วู่วาม เวลาจะทำงานอะไรก็ จะไม่ค่อยละเอียดถี่ถ้วนนัก
จะให้ความสนใจแต่เรื่องหลัก ๆ ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า นึกอยากจะทำอะไรก็จะลงมือเลยแบบตามใจตัวเองโดยไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อน จึงมักจะมีเรื่องให้ผิดหวังอยู่เสมอ

2**เปิดอ่านแต่เรื่องที่ตนเองสนใจ แสดงว่าเป็นคนที่มีความเป็นเด็กอยู่ในตัวสูง มักเอาแต่ใจตัวเอง นึกคิดอะไรก็ทำไปอย่างนั้น ไม่ค่อยนึกถึงจิตใจผู้อื่นเท่าใดนัก
แต่เป็นคนจิตใจดี ใจกว้าง ชอบ ช่วยเหลือผู้อื่น แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์เลยทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้าเข้าใกล้หรือกล้าเข้ามาทำความรู้จักด้วย

3**ชอบอ่านทุกหน้าและทุกเรื่อง จะเป็นคนใจกว้าง ยอมรับความคิดหรือสิ่งใหม่ ๆ ได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นความคิดของใครก็ตาม เป็นคนที่ให้โอกาสคนอื่นสูง
ความสนใจใคร่รู้ในสิ่งต่าง ๆ และทันเหตุการณ์และหากสนใจในเรื่องใด ก็มักจะทุ่มเทให้กับเรื่องนั้นเพื่อให้รู้จริง มีความคิดกว้างไกลมากและมักจะได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง

4**ชอบออกเสียงเวลาอ่านหนังสือ แสดงให้เห็นถึงการมีใจคอเปิดเผยจริงใจและซื่อสัตย์ต่อทุกคนที่คบด้วยและเป็น คนไว้ใจได้ไม่ค่อยมีพิษมีภัยกับใคร เป็น คนรักสงบ มีชีวิตเรียบง่าย สมถะ รักธรรมชาติ
ถึงแม้จะไม่ใช่คนมีภูมิความรู้อะไรมากนักแต่ก็มีความน่านับถืออยู่ในตัว มีโลกส่วนตัวและมีโลกในอุดมคติของตัวเอง

5**ชอบขีดเส้นข้อความสำคัญเวลาอ่านหนังสือ อุปนิสัยเป็นคนช่างจดจำและค่อนข้างยึดมั่นในตัวเอง สิ่งไหนที่เป็นของตนเองก็ไม่อยากให้ใครมาแย่งไป
แต่ก็เป็นคนทำงานเก่งและทำได้ดี เพราะเวลาทำงานมักจะทำอย่างจริงจัง และไม่ชอบเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ

6**ชอบพับขอบหนังสือ เวลาอ่านหนังสือค้างไว้มักจะใช้วิธีพับขอบแทนการใช้ที่คั่นหนังสือ แสดงว่าเป็นคนไม่ค่อยเรียบร้อยนัก แต่เมื่อได้ลงมือทำอะไรก็มักจะทำอย่างจริงจัง หมกมุ่นจนทำสำเร็จ ไม่ค่อยใส่ใจคนรอบข้างนัก
ดูเหมือนเป็นคนเห็นแก่ตัวแต่ที่จริงเค้าไม่เก่งเรื่องโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเองซะมากกว่า ยิ่งเวลามีคนมาขอความช่วยเหลือเค้าก็จะพร้อมจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ จะลองสังเกตการอ่านหนังสือของคนใกล้ตัวดูก็ได้นะค่ะ จะได้รู้นิสัยเค้าด้วย
เอาเคล็ด เคล็ดลับ ก่อนสอบ ทำดูไม่เสียหาย 1,2
เอาเคล็ด เคล็ดลับ ก่อนสอบ ทำดูไม่เสียหาย 1
1.หากระดาษพื้นขาว 6 นิ้ว X 6 นิ้ว มา 1 แผ่น
2.วาด วงกลมขนาดเหรียญ 10 บาทขึ้น 1 วง
3.ตรงกลางวงให้ทําเป็นจุด สีเข้มๆขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟ
.........
เมื่อพร้อมแล้วปฎิบัติ.  (ทําก่อนอ่านหนังสือ  5 นาที)
     1.นั่งมองจุดสีเข้มตรงกลาง เริ่มแรกอาจจะคุมสมาธิลําบากหน่อย
     2.ถ้าฟุ้งซ่าน  พยายามดึงกลับมาขอให้อยู่ในวงกลม วงใหญ่
     3.เมื่อเริ่มมีสมาธินิ่งขึ้น ให้ดึงสมาธิให้อยู่ในจุดสีเข้มจุดเดียว..
     4.พยายามทําความคิดให้วิ่งอยู่ในวงกลม  อย่าให้เล็ดลอดออกไป.
    วงกลม.........ถ้าความคิดออกนอกวงกลม....ก็ดึงเข้ามาใหม่.
     5.เมื่อนิ่งแล้วให้เพ่งที่จุดกลางเพียงจุดเดียว.
นี่คือการฝึกสมาธิให้อยู่เพียงจุดๆเดียว....เช่นการอ่านหนังสือ.. ถ้าเรามีสมาธิในการอ่านหนังสือ....เราสามารถอ่านแค่เที่ยวเดียว ก็จะจําได้.
พยายามลองฝึกดูทุกวันก่อนอ่านหนังสือ...วันละ 5 นาที.จะได้ผลมากเลย น๊ะจ๊ะ.
.......................................................

มหกรรม skincare

{Review} มหกรรม skincare หัวจรดเท้า! เน้นผิวดีใช้จริงต่อเนื่องกว่า 50 ชิ้น! ทั้งราคาแสนถูกและแสนแพง!


สวัสดีค่า ;D
ห่างหายจากกระทู้แรกไปพอสมควร 

จุดเริ่มต้นของ article นี้มันเกิดขึ้นจากคำถามที่อีฟได้รับบ่อยๆ จากคนรอบข้าง ก็คือ... 
"ทำไมขาวจัง?" "ใช้อะไรขาว?" "กินอะไร / ทำยังไงผิวดี?" 

อีฟรู้สึกว่าคำว่า "ผิวดี" ไม่ใช่ผิวที่ขาว แต่...ต้องเป็นผิวที่จับต้องแล้ว 
รู้สึกได้ถึงความนุ่ม หยุ่น หรือที่เราเรียกกันว่า "ผิวเด้ง" ต้องดูมีสุขภาพ 
ดังนั้นไม่ว่าคุณจะผิวสีไหน คุณก็สามารถมีผิวสุขภาพดีได้ทั้งนั้น 

อีฟเป็นคนผิวแพ้ง่ายค่ะ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่อีฟใช้ส่วนมากบริเวณหน้า 
มักจะเป็นเวชสำอางค์ หรือของ drug store ถ้าถามถึงผิวกายค่อนข้างดีทีเดียว 
แต่ถ้าถามถึงผิวหน้าจะ sensitive มากกว่ามากค่ะ 

วันนี้เลยจะรวม routine ครีมของอีฟชนิดจัดเต็มมาไว้ที่เดียวกันค่ะ 
ให้เห็นกันไปเลยว่า ครีมตัวไหน ผลิตภัณฑ์อะไรบ้างที่อีฟใช้ต่อเนื่องมาตลอด 

ทั้ง "ราคาแสนถูก" และ "ราคากระเป๋าแฟ่บ" 
ไล่ไปตั้งแต่ "หัว" จรด "เท้า" กันเลยค่ะ :)
นี่เป็นภาพโดยรวมนะคะ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ 
ที่อีฟใช้ ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน - 6 ปีที่ผ่านมา "อย่างต่อเนื่อง" 
เป็นตัวเด่นๆ ที่อีฟหยิบใช้เป็นประจำ 

มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ...

อีฟเป็นคนผมตรง ชนิดที่ไม่ต้องหนีบ-ไดร์ สระผมเสร็จ เช็ดแห้ง คือตรงเลย

อีฟเลยมักมองหาผลิตภัณฑ์ผมที่ตอบโจทย์เหล่านี้ และที่สำคัญคือ 
ต้องช่วยเรื่อง ผมขาด หลุดร่วงง่าย ผมมัน เพราะว่าตอนนี้ผมยาวมากๆ 
ช่วงนี้เลยห่วงผมมากกว่าทุกส่วนของร่างกายเลยค่ะ ถ้าใครมาเห็นผมอีฟตอนนี้ 
คือน้องๆ เซเลอร์มูนแล้ว ดังนั้นเรื่องขาดร่วงไม่ต้องพูดถึง
ตัวแรกที่อีฟใช้มาได้ประมาณ 3-4 เดือนแล้วชอบ คือยาสระผม 
ของ Victoria's secret ค่ะ ตัวนี้อีฟได้โปรโมชั่นมา ซื้อ 3 ชิ้นราคาพิเศษ 
ถ้าจำราคาไม่ผิด ตกอยู่ 1200-1400 บาท 

Shampoo & Conditioner 
เรื่องความหอม อีฟบอกเลยว่า VS ไม่ได้หอมเว่อวังค่ะ แต่อีฟคิดว่ามันเป็นแชมพู 
เหมาะมากสำหรับคนไม่ชอบเซ็ตผม เพราะอีฟแค่ปล่อยผมหมาดๆ 
เอามือเสยๆ ปัดๆ พอผมแห้งก็ยังตรงสลวยดีอยู่ ที่สำคัญคือ ทั้งแชมพูและครีมนวด 
"ปิดเกล็ดผมที่เปิดดีมากกกกกกกกกกกกก" 

Dry Shampoo 
เป็นขวดแบบหัวฉีดทั่วไป ขนาดพกกำลังดี กลิ่นหอมธรรมดา ไม่ได้พิเศษ 
แต่ฉีดแล้วไม่เป็นผงขาวก้อนๆ ติดที่ผมหรือโคนผม 
ช่วยลดความมันของผมในระดับนึงค่ะ ใครที่ผมมันง่าย 
จำเป็นมากสำหรับคุณค่ะ พกติดตัวไว้เลย หยิบมาใช้ได้ตลอด 

วิธีฉีด : ให้ห่างจากผมและโคนผมประมาณ 15-20 ซม. ฉีดเสร็จขยี้ๆ หน่อยก็โอเคแล้วค่ะ 

เน้น : ทำความสะอาด, ปิดเกล็ดผม, ผมตรงหลังใข้


BSC : Glossy Hair Treatment Wax Tsubaki Oil ราคา 139 บาท

เป็นทรีทเม้นผมที่หอมมากกกกกกกกกกก คนผมเสีย ผมร่วงอีฟแนะนำค่ะ 
ใช้ได้ทุกสภาพผม บางทีใช้แทนครีมนวดเลย ราคาถูก คือตุนทีสามสี่กระปุก 
ใช้หมักหลังสระผมซัก 10-15 นาทีแล้วล้างออก พี่ที่รู้จักแนะนำมา 
หลังใช้คือ ถ้าคนผมตรง ลืมที่หนีบผมไปเลยค่ะ ผมนี่เหยียดตรงสุดๆ 
ใครผมพันกันบ่อยๆ ใช้ตัวนี้หมดปัญหาค่ะ 

เน้น : ลดผมพันกัน, ลดผมร่วง, เคลือบผม, ผมตรงหลังใช้
เช็คราคายาสระผมของ VS ได้ทุก สาขาค่ะ
L'oreal Paris : Fall Resist 3X Shampoo & Conditioner 
ราคาแชมพู 199 บาท ราคาครีมนวด 99 บาท 


เป็นสูตรป้องกันผมขาดหลุดร่วงและผมเสียอีกแล้ว ตัวนี้ลองมาได้ซักพักค่ะ 
หลังใช้ประมาณเข้าเดือนนึง อีฟรู้สึกว่าผมขาดน้อยลงตอนสระผม 
ราคาย่อมเยาวน์ ขวดใหญ่ และก็หอมมากด้วย ตัวนี้อีฟจะมีพกไว้ในรถด้วยค่ะ 
เวลาไปทำผมร้านทำผม ถ้าช่วงนั้นเราต้องดูแลผม ก็จะถือแชมพูไปให้ที่ร้านสระให้เลยค่ะ 
ราคาขนาดนี้ คุณภาพขนาดนี้ ไม่มีไม่ได้แล้วว 

เน้น : ทำความสะอาด, ลดผมขาดหลุดร่วง, ลดผมเสีย
TRESemme' : Platinum Strength สูตรผมตรง 
ราคา 119-149 บาท (ไม่แน่ใจราคา) 


เทรซาเม่อันนี้เป็นสูตรผมตรงค่ะ แต่อีฟจะไม่ใช้ครีมนวดของ TRESemme' 
เพราะอ่านด้านหลังแล้ว ครีมนวดส่วนผสมแรงไปนิดสำหรับผมยาวร่วงง่ายแบบอีฟ 
ตัวนี้ลองมาได้ครึ่งปี ถือว่าโอเค ตอบโจทย์สำหรับคนที่สระเสร็จต้องการผมตรง 
แบบขี้เกียจหนีบไดร์ ขวดใหญ่เบิ้มสะใจ ราคาก็แสนสบายกระเป๋า 
ถ้าอีฟใช้ตัวนี้สระ อีฟจะใช้ตัว BSC แทนครีมนวดค่ะ :) 

เน้น : ผมตรง, ทำความสะอาด
3 ขวดนี้ของ Kiehl's อีฟซื้อใช้ในตอนที่ต่อผม ผมร่วง และ "ผมบาง" 
สามตัวนี้ช่วยอีฟมากในเรื่องที่ทำให้ผมอีฟดูหนาขึ้น และดกขึ้น 

Kiehl's : Ultimate Thickening Shampoo ราคา 850 บาท 
ช่วยให้ ผมหนาขึ้น และขึ้นทั่วหนังศรีษะค่ะ ฟองไม่มาก 
มีโปรตีนจากธรรมชาติ และพวกโอเมก้า 6 ใช้ได้ทั้ง ผญ และ ผช ค่ะ 
เน้น : ทำความสะอาด, ผมหนา 

Kiehl's : Hair Conditioner and Grooming Aid Formula 133 ราคา 850 บาท
ครีมนวด ใช้ได้สำหรับผมทุกสภาพ ไม่ค่อยลื่นมากเหมือนครีมนวดทั่วไป 
ซื้อตัวนี้ 2 in 1 ค่ะ เพราะว่า "สามารถเอามาใช้แต่งทรงผมได้ ไม่ต้องล้างออก" เลิศเลย
เน้น : บำรุงผมที่เสื่อมสภาพ

Kiehl's : Treatment Magic Elixir ราคา 1200 บาท
ช่วยให้ผมแห้งแตกปลาย หรือตามโคนชุ่มชื้นขึ้นได้ นุ่ม และเงางาม 
หนังศรีษะใครที่ลอกบ่อยๆ กลายเป็นรังแค ใช้ตัวนี้อยู่ค่ะ ราคาสูง
แต่คุณภาพน้ำตาไหล มันใช้ดีมากกกกกกกกก วิธีใช้เจ้าตัวนี้นะคะ 
อีฟจะแหวกโคนผม แล้วหยดๆ ตามโคนผมนิดๆ อาทิตย์ละครั้งสองครั้ง 
สังเกตได้หลังใช้ลูกผมเกิดเยอะขึ้นด้วย ชี้โด่เด่เลยค่ะ 
เน้น : ลดผมแห้ง, ลดผมแตกปลาย, ลดเกล็ดผมเปิด, แก้ปัญหาผมบาง, ลูกผมเกิด 

kiehl's เป็นเวชสำอางค์ชนิดหนึ่ง ดังนั้นผลิตภัณฑ์ทุกชนิด จะไม่ผสมน้ำหอมเลยค่ะ 


* อ่าน review เพิ่มเติมของอีฟเกี่ยวกับ Kiehl's ได้ที่นี่ค่ะ
Johnson's baby Shampoo (ขวดแรกสีเหลือง) ราคา 33-59 บาท 

อ่านไม่ผิดค่ะ เจ้าแชมพูเด็กขวดเหลืองนี่แหละทีเด็ด ราคาเด็กน้อย 
กลิ่นหอม เมื่อผมเริ่มเสีย ขาด หรือสุขภาพผมแย่ 
อีฟจะหยุดทุกอย่าง และจัดการใช้เจ้าแชมพูเด็กตัวนี้ชั่วคราว 
เหมือน detox ผมตัวเองไปในตัวค่ะ 

คนที่มีปัญหาหน้าเป็นสิว รักษาสิวอยู่ ไม่ว่าจะที่หน้าหรือแผ่นหลัง 
ลองใช้ตัวนี้ไปซักพักในการสระผมของคุณค่ะ อาจจะไม่ลื่นสลวยเหมือนตัวอื่นๆ 
แต่ความอ่อนโยนของแชมพู จะช่วยให้ไม่เกิดสิวเพิ่ม 

เน้น : กรณีผิวหลังแพ้ง่าย เกิดสิว ต้องหยุดยาสระที่ผสมครีมนวด
Biore' Make up Remover : Perfect Cleansing Water ราคา 129 บาท

เป็นขวดขนาดพกพา ซึ่งอีฟจะซื้อไว้เป็นโหลเลยค่ะ มันเบา และพกสบายกระเป๋า 
อย่างที่บอกว่าหน้าอีฟแพ้ง่ายมาก อีฟจะมีเจ้าตัวนี้ใส่กระเป๋าไว้ 
นอกจากเช็ดลอยเลอะของเครื่องสำอางแล้ว เวลาทานก๋วยเตี๊ยวหรืออาหาร 
แล้วเผลอกระเด็นมาโดน สิวจะขึ้นทันทีในเวลาไม่นาน 
อีฟก็จะใช้เจ้าตัวนี้เช็ดที่ผิวเลยค่ะ ตามด้วยคลินดาเอ็มทาตาม 

ไม่มีน้ำหอม ไม่มีน้ำมัน ไม่มีแอลกอฮอล์ เหมาะกับงานสิวสุดแล้ว 

เน้น : ทำความสะอาด, ไม่มีแอลกออล์, ไม่เกิดสิว
Bifesta : Tightening Cleaning Sheet ราคา 380 บาท 

กล่องนึงมี 46 แผ่นค่ะ กระดาษแผ่นใหญ่ด้วย 
แต่ตัวนี้จะมีแอลกอฮอล์ผสมนิดหน่อยค่ะ แต่อีฟลองใช้แล้ว สิวไม่ขึ้น 
หน้าใส ขาวดี ถ้าใช้ลบเครื่องสำอาง แผ่นเดียวก็เอาอยู่ค่ะ 
หลังใช้หน้าไม่แห้ง วันไหนไม่แต่งหน้า อีฟก็หยิบมาเช็ดหน้าให้สดชื่นแทน 

เดิมทีใช้สูตรนี้เป็นแบบน้ำ ขวดกดๆ ค่ะ แต่พกลำบาก 
เลยเปลี่ยนมาใช้เป็นแบบทิชชู่เปียกแทน 

เน้น : ทำความสะอาด, ไม่เกิดสิว
Eucerin Dermo Purifyer : Scrub ราคา 900 บาท

ยูเซอรินเป็นแบรนด์เวชสำอางที่อีฟใช้มาหลายตัว เซ็ตสิวของแบรนด์นี้คือเลิศ
สครับของยูเซอรินตัวนี้ เม็ดสครับจะค่อนข้างหยาบไปนิดค่ะ 
ถึงมีคำแนะนำในการขัดเบาๆ แต่อีฟมือหนัก ขัดแรงค่ะ แปรงลงด้วย 555 
ใช้ปริมาณไม่ต้องเยอะ แค่หยดเดียวก็ขัดได้ทั่วค่ะ 
ผลหลังการลองขัดหน้าดูถือว่าเยี่ยม ลูบหน้ารู้สึกเลยว่าเนียนมากๆ 
ช่วยได้ดีเรื่องรูขุมขน กับหน้าขาวค่ะ สิวเสี้ยนช่วงคางจะขัดได้เรียบเนียนกว่า
ส่วนจมูกอาจเป็นเพราะอีฟไม่ค่อยมีสิวเสี้ยนเลยไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง 

เน้น : ลดสิวเสี้ยน, หน้าเรียบเนียน, หน้าขาว
Eucerin Dermo Purifyer : Cleanser ราคา 470 บาท (ขวดเล็ก) , 900 บาท (ขวดใหญ่)

ตัวนี้ล้างได้สะอาดหมดจรด เหมาะมากถ้าสิวขึ้นง่ายแล้วแต่งหน้า ล้างเมคอัพยังไหวค่ะ 
อีฟจะเอาตัวนี้ล้างเลยค่ะ กลิ่นอาจจะไม่โอเค ออกแนวกลิ่นๆ ยา แต่เรื่องคุณภาพยกให้ 
ขวดใหญ่ขวดนึงอยู่ได้หลายเดือน ขวดเล็กจะพกพาง่ายกว่า ตัวอีฟใช้ทั้งสองไซต์ค่ะ 
เพราะอยู่สองที่ ไม่ต้องแบกไปแบกมา แต่ตัวนี้อีฟคิดว่าไ ม่เหมาะกับคนหน้าแห้ง 
หลังใช้หน้าจะตึงๆ เล็กน้อย ควรหาครีมทาควบคู่กันไป 

เน้น : ลดสิว, หน้าขาว, ทำความสะอาด
Scentio Milk Plus Whitening Q10 Facial Foam ราคา 130 บาท

โฟมล้างหน้าจาก beauty buffet ตัวนี้ อยู่กับอีฟมา 6 ปีแล้วค่ะ 
ไม่เคยหยุดใช้นาง ใช้ทุกวัน ไม่ว่าจะสครับหน้าด้วยอะไร หรือใช้คลีนซิ่งตัวไหน
จะตบท้ายด้วยตัวนี้ทีหลังเสมอ ชื่อก็บอกแล้วว่ามี Q10 และน้ำนม 
หน้าขาวมากกกกกกกก ขาวแล้วรู้สึกสะอาด รู้สึกตึงกระชับ แต่ผิวไม่แห้งค่ะ 

เน้น : หน้าขาว, หน้าเด้ง, ผิวกระชับ
Clinda-M ยาแต้มสิว ราคา 45 บาท

หลอดนึงใช้ได้ยาวนาน สิวตั้งท่าเริ่มขึ้นก็ทาเลย ยุบชัว ไม่ต้องรอให้อักเสบ 
เป็นกลิ่นแอลกอฮอลล์ฉุนนิดนึงค่ะ แต่คุณภาพคิดว่าคงไม่ต้องพูดกันมาก 
เชื่อว่าหลายๆ คนมีพกติดกระเป๋าแน่นอน 

เน้น : ลดสิวอักเสบ
Scagel ราคา 140 บาท

เป็นครีมลบรอยแดง ที่ดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก 
ตัวนี้อีฟรู้จักเพราะรักษาสิวที่ รพ.ยันฮี กับทำเลเซอร์มาก่อน 
คุณหมอก็แนะนำให้ใช้ พอไปโรงบาลก็จะให้คุณหมอสั่งให้ตลอดค่ะ 
(สังเกตได้ว่ามีตรา รพ. แปะอยู่ ฮ่าาาา) 

เน้น : ลดรอยแดง, รอยจากการเลเซอร์, รอยสิว
Sephora Mask Sheet ราคา 5$ ดอลล่าห์

ตัวนี้คือเคยมีคนให้มาลองใช้แล้วโอเค อีฟก็เลยลองซื้อกลิ่นอื่นมาใช้บ้าง 
ราคา shop ไทยไม่แน่ใจ อีฟฝากเพื่อนที่ SG หรือ US ซื้อแทน 

เป็น mask sheet ที่แผ่นค่อยข้างใหญ่ มีหลายกลิ่น หลายแบบให้เลือก 
ใช้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ราคาก็สมเหตุสมผลสำหรับความเป็น sephora 
ที่สำคัญ มาร์สทำมาจากไฟเบอร์ เพราะฉะนั้นจะบางเฉียบเลยค่ะ ชุ่มน้ำดีด้วย 

*ถ้ามาร์สก่อนนอน เวลาดึงออกจะมีตัว 's' เล็กๆ ยิบๆ เต็มหน้าไปหมดเลย 
แต่ซักพักจะหายไป ใครต้องไปไหนขอเตือนไว้ก่อนใช้นะคะ 555 

เน้น : ใบหน้าชุ่มชื้น, สรรพคุณ (ขึ้นอยู่กับแต่ละสีของมาร์ส)

หน้าตา Mask sheet แต่ละกลิ่น แต่ละแบบค่ะ
ซึ่งจะ มีทั้งหมดกว่า 10 แบบ แต่ละแบบก็จะแตกต่างกันไป 
ในเรื่องการด้านการช่วยบำรุงนะคะ ซึ่งเวลาอีฟใช้ก็หมุนเวียนกันใช้ไปแต่ละสี
ที่อีฟโปรดที่สุด คือ Greentea (สีเขียว) และ Rose (สีชมพูเข้ม) นะคะ
Kiehl's : Ultra Facial Overnight Hydrating Masque ราคา 1550 บาท

ซึ่งคือราคาเต็มของมาร์สตัวนี้นะคะ แต่ในรูปเป็นขนาดพกพาที่อีฟพกใส่กระเป๋าไว้ 
หน้าตาครีมมาร์สจะสีขาวขุ่นๆ แบบนี้เลยค่ะ หน้าแห้ง มาร์สเจ้านี่ ตื่นมาผิวเด้งค่ะ เน้นว่าเด้ง!
ทาก่อนนอน ทิ้งไว้ 10 นาที เอากระดาษเช็ดออกบางๆ "เน้นว่าบางๆ" 
ไม่ต้องเช็ดออกหมด ทิ้งที่เหลือไว้บนหน้า เช้ามาล้างหน้าปกติค่ะ 

ราคานี้ไม่แพงพูดเลย ทำอาทิตย์ละครั้งเท่านั้นเพียงพอค่ะ 

เน้น : หน้าเด้ง, หน้าอิ่มน้ำ, หน้าขาว 

อ่านรีวิว Kiehl's ตัวอื่นๆ เพิ่มเติมที่อีฟทำไว้ได้ที่นี่
Baby Kiss Daily Protein Milk Mask ราคา 890 บาท

บอกตรงๆ ว่า ตัวนี้อีฟจะใช้ เวลาที่แบบ
เช้าอีกวันฉันอยากสวยด่วนอะไรแบบนี้ 55555
เป็นมาร์สที่อีฟคิดว่าโอเคอีกแบรนด์นึงค่ะ คือมันเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
รูขุมขนแทบจะปิดหมดหลังใช้ กลิ่นโอเค แต่ตัวครีมเกลี่ยยากอยู่ซักหน่อย 

เน้น : หน้าขาว, ปิดรูขุมขน, แต่งหน้าติดมากขึ้น

Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+ PA+++ ราคา 450 บาท

เป็นกันแดดหลังแต่งหน้าตัวเดียวที่อีฟลองมาแล้วโอเคที่สุด เป็นโลชั่นเนื้อเอสเซ้นท์ 
ใช้หลังแต่งหน้า ถ้ากลัวแดดก็ตบๆ เพิ่มบนหน้าได้ ไม่ทำให้เครื่องสำอางเละ
หรือเปลี่ยนสีค่ะ ทำให้หน้าชุ่มชื้น เมคอัพก็ติดทนขึ้นด้วย พกใส่กระเป๋าตลอดตัวนี้ 

การใช้งาน : ใช้หลังแต่งหน้า ตบๆ ทับบนเมคอัพ

Biore UV perfect milk SPF50+/PA+++ ราคา 260 บาท

โลชั่นครีมน้ำนมป้องกันแดด ถามว่าไม่มันแบบที่เค้าว่าจริงไหม 
สำหรับคนผิวแห้งแบบอีฟ ใช้แล้วรู้สึกเนื้อครีมมันเล็กน้อยค่ะ แต่รับได้ 
ตัวนี้ใช้ได้ทั้งหน้าและตัวเลย แต่อีฟจะใช้กับตัวซะมากกว่า 
เลือกตัวนี้เพราะอีฟออกทะเลบ่อย ว่ายน้ำบ่อย จะ กันน้ำด้วยค่ะตัวนี้
เนื้อจะเหลวสีขาวแบบน้ำนมเลย ซึมซับง่ายไม่ต้องกลัวเหนอะค่ะ 

การใช้งาน : ใช้ได้ทั้งหน้า และ ตัว

L'Oreal Paris Revitalift Laser x3 Power Water ราคา 790 บาท

เอสเซนส์สูตรน้ำค่ะ ชอบทั้งกลิ่น และเนื้อน้ำ ช่วงเรื่องผิวเด้ง 
รูขุมขนดูเล็ก กระชับ ริ้วรอยลดเลือนด้วย เรียกว่าครบสูตร 
ทาทั่วหน้าและลำคอ ไม่ใช้เอสเซนส์แบบตบนะคะ แต่เป็นแบบกดค่ะ 
พอทาแล้วกดๆ ทั่วหน้าและคอ ให้เนื้อเอสเซนส์ซึมเข้าผิว 

เน้น : ผิวเด้ง, ลดริ้วรอย, ผิวกระชับ

Hada Labo : Super Hyaluronic Acid Moisturizing Milk ราคา 599 บาท

ตัวนี้ใช้ไม่ต้องมากค่ะ เป็นครีมน้ำนม ตบๆ เข้าบนผิวเหมือน hada labo หลายๆ ตัว 
คนหน้ามันอาจจะใช้ไม่เหมาะ แต่หน้าแห้ง ลอกเป็นขุยแบบอีฟง่าย เหมาะมาก 
ครีมขุ่นขาวเหมือนน้ำนม ซึมซับไม่ได้ไวมาก 

* เคล็ดลับคือ ตัวนี้ถ้าใช้ใต้วงแขน ผิวจะเนียนนุ่มมาก 
สำหรับคนที่ถามว่าอีฟใช้อะไรวงแขนถึงเนียนขาว !
เน้น : หน้าชุ่มชื้น, ผิวหน้าไม่ลอกแห้ง, ผิวหน้าขาวใส, วงแขนเนียนนุ่ม

Hada Labo : Super Hyaluronic Acid Moisturizing Lotion ราคา 109 บาท

อันนี้เป็นขนาดพกพาค่ะ อีฟได้เทสเตอร์ขนาดนี้มา 6 ขวด 
คิดว่าหมดต้องใช้ขนาดจริงต่อ ใช้มาสามสี่เดือนได้ค่ะตัวนี้ 
หน้าอิ่มน้ำมาก รูขุมขนดูเล็กลง และก็หน้าใสขึ้นด้วย 

ตัวนี้เหมาะเป็นไอเทมหน้าหนาวอีกตัวนึงนะ 

เน้น : ผิวหน้าเด้ง, ผิวหน้าใส, ลดรูขุมขน
Kiehl's : Creme de Corps Soy Milk & Honey Whipped Body Butter 
ราคาเต็ม 1800 บาท 

เป็นครีมทาผิวตัวค่ะ เนื้อวิปครีมค่ะ กลิ่นจะหอมอ่อนๆ คุณสมบัติจะคล้ายกับตัวล่าง
แค่ต่างกันที่ ทาหน้ากับทาตัวเท่านั้นเอง ผิวแห้งแตกโปะๆ ลงได้เลยค่ะ 
ทาๆ อารมณ์วาสลีน แต่จะซึมเข้าผิวเลยตัวนี้ 
เน้น : ผิวเนียน, ผิวนุ่ม, ลดอาการผิวแห้งแตก

Kiehl's : Ultra Facial Cream ราคา 1400 บาท 
มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบา ซึมซับง่ายมาก เป็น ตัวขายดีที่สุดของ Kiehl's ค่ะ 
บางทีอีฟใช้ตัวนี้ก่อนนอนแล้ว อีฟใช้ก่อนแต่งหน้าด้วย รู้สึกเมคอัพมันติดทนขึ้นติดผิวขึ้น 
เป็นไอเทมที่ ขายกัน 5 กระปุก/นาที เลยทีเดียว อีฟมีติดบ้านไม่เคยขาดค่ะอันนี้
ไม่มีน้ำผอม ไม่แพ้แน่นอน เพราะแบรนด์นี้ก็ drug store ค่ะ 
เน้น : ผิวชุ่มชื่น, เมคอัพติดทน, เมคอัพเบสก่อนแต่งหน้า, ลดอาการผิวหน้าแห้งลอก
Cetaphil Moisturizing Cream (จำราคาไม่ได้ น่าจะประมาณ 900 กว่าบาทค่ะ)
ขออนุญาตใช้ภาพที่อีฟถ่ายไว้ เนื่องจากครีมอยู่คอนโดหมดเลย 
อีฟได้แบบเป็นกระปุกใหญ่มาค่ะ ซึ่งที่ไทยหายากมากๆ เจอที่ Terminal 21 ค่ะ 
เป็นครีมบำรุงผิวสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ไม่ผสมน้ำหอมและลาโนลิน 
คือหน้าเป็นขุยแค่ไหนตัวนี้ก็เอาอยู่ อีฟซื้อแบบนี้เพราะมันใช้ได้นาน 
โบกกันทั้งตัว คือผิวแห้ง ผิวแพ้จัดๆ ควรมีนะ 

ซึ่งอีฟจะใช้ตัว Moisturizing กับตัว Gentle Skin Cleanser 
สำหรับตอนอาบน้ำค่ะ รักมากแบรนด์นี้ ชอบที่ไม่มีกลิ่น ไม่แพ้นี่แหละ 
มีโอกาสจะจัดตัวอื่นๆ มาลองอีกค่ะ :) 

เน้น : ทำความสะอาด, บอบบาง, ลดการเกิดสิว

Scentio Milk Plus BodyLotion Extra SPF25 ราคา 280 บาท
โลชั่นน้ำนมอีกตัวที่อีฟใช้ตลอดค่ะ ตั้งแต่รุ่นนี้ยังไม่มี เป็นรุ่นธรรมดาแบบไม่มีกันแดด 
แต่ ตัวนี้จะกันแดดด้วย หอม ซึมเร็วกับผิวไม่เหนอะหนะ มี Q10 ด้วยค่ะ
ตัวนี้เป็นตัวที่อีฟว่าง นั่งเพลินๆ ก็หยิบขึ้นมาทา (แม้วันนั้นจะทากันแดดแล้ว) 
เพราะมันหอม แล้วก็ใช้ต่อเนื่องมันเห็นผลว่าขาวขึ้นจริงค่ะ 

เน้น : ผิวขาว, กันแดด, ผิวชุ่มชื้น, ผิวนิ่ม

Oriental Princess : Sweet Eternity Body Moisturiser ราคา 185 บาท
Oriental Princess : Cheerful Smile Body Moisturiser ราคา 185 บาท 

เป็น โลชั่นแบบมีเม็ดบีทแตกตัวค่ะ เหมือนเพื่อบำรุงผิว และให้กลิ่นหอม
อีฟซื้อเพราะราคาสบายกระเป๋ามาก และกลิ่นก็หอมมากๆ ด้วย 
สองสีนี้สลับกันใช้ค่ะ สีเขียวหอมกว่าสีชมพู อารมณ์แบบซูกัสๆ 
ใช้แทนพวกครีมน้ำหอมได้ด้วย ไม่เกิดอาการแพ้ค่ะ 

เน้น : ใช้แทนครีมน้ำหอม, ไม่เกิดอาการแพ้, บำรุงผิว

Soap & Glory : Smoothie Star Lightly Whipped Body Buttercream
ราคา 400 กว่าบาท 


คนที่มาจับผิวอีฟ แล้วถามว่า ทำไมผิวดี ทำไมผิวนุ่ม หลักๆ แล้ว
มันคือเจ้านี่นี่แหละค่ะ!! 
ครีมตัวนี้ทำให้ผิวอีฟแจ้งเกิดมาก 
จากคนผิวแห้ง ไม่มีน้ำ ไม่ชุ่มชื้น เจ้านี่ช่วยให้อยู่รอดมาหลายต่อหลายปีมาก 
อีฟพกติดตัวตลอด ขนาดเล็กก็ไม่พกค่ะ พกมันไซต์ใหญ่เลย 
แล้วทาคือทั้งแขน ขา และตัว กลิ่นมันหอมแบบบัตเตอร์วนิลลา 

เน้น : ผิวเด้ง, ผิวนิ่ม, ผิวอิ่มน้ำ, ลดผิวแห้งกร้าน

เนื้อครีมก็นุ่มแบบวิปครีม ฉะนั้นพอมันทำให้ตัวอีฟนิ่ม ผิวเด้งขนาดนี้
เจ้านี่จึงเป็นลูกคนโตที่อีฟรักที่สุดไปโดยปริยายเลยค่ะ

Eucerin PH5 Wash Lotion for Body & Face ราคา 300 บาท (ไม่แน่ใจค่ะ)

ตัวนี้อีฟซื้อเพราะ "รพ.ยันฮี" ใช้ทั้งแผนกรักษาผิวหนังค่ะ!!!!! 555555
คืออีฟไปรักษาหน้าที่นี่ เดินเข้าห้องก่อนเลเซอร์เค้าจะให้ล้างหน้าทุกครั้ง 
ผลิตภัณฑ์แทบทุกตัวของ รพ. เป็น Eucerin สีแดง และตัวที่ใช้ล้างหน้าคือตัวนี้ค่ะ

ถามคุณหมอ คุณหมอบอกว่า มันเหมาะกับผิวทุกสภาพผิวที่สุดแล้ว 
และก็ใช้ได้ทั้งตัวและหน้า ใครเป็นสิวอีฟแนะนำนะคำ 
อาจจะดูเหมือนล้างยาก ลื่น หรือเหมือนไม่สะอาด ทนรำคาญตรงนั้นหน่อย 
ตัวนี้ใช้ดีจริงๆ ค่ะ ราคาก็น่ารัก ขวดเบ้อเริ่มมมม :) 

เน้น : ลดอาการแพ้ ผดผื่นตามตัว, ลดการเกิดสิว, อ่อนโยนกับผิวแพ้ง่าย

Vaseline healthy white ราคา 69 บาท
ตัวนี้ที่อีฟซื้อใช้เพราะเค้าบอกว่าช่วยปรับสีผิวตัวที่ด่างๆ ที่ไม่เสมอกัน 
ให้ขาวกระจ่างใสขึ้นได้ ที่ชอบเพราะพอใช้ต่อเนื่อง ผิวนุ่มลื่นดีค่ะ 
ล้างออกก็ง่าย กลิ่นหอม บางทีอีฟแอบใช้แทน shaving cream 
เวลาจัดการขนขาแบบเร่งด่วนด้วย ตัวนี้จะมีติดห้องน้ำตลอดค่ะ 
มีตัวน้ำยากำจัดแบคทีเรียผสมด้วย

เน้น : ปรับสีผิวที่ไม่เสมอกัน, ผิวขาวกระจ่างใส, ผสมน้ำยากำจัดแบคทีเรีย


Scentio Double Milk Triple white bath cream ราคา 239 บาท 
เป็นครีมอาบน้ำ กลิ่นน้ำนม หอมมากค่ะ ช่วยเรื่องผิวขาว กระจ่างใส 
ตัวนี้อีฟใช้ตั้งแต่รุ่นเก่า จนมีรุ่นนี้ออกมาก็ใช้ตลอด อีฟคิดว่าตัวขึ้นชื่อ 
ของแบรนด์ beauty buffet คือพวก เซ็ตนมวัว นมแพะต่างๆ นะ 
เพราะอีฟลองแล้วไม่เคยผิดหวังเลยสักตัวค่ะ 

เน้น : ผิวขาว, ผลัดเซลล์ผิว, ทำความสะอาด

Oxe'Cure Body Wash pH 5.5 ราคา 150 บาท
เป็น เจลอาบน้ำสำหรับคนที่มีปัญหาสิวตามตัว หรือที่หลังค่ะ 
ห้ามใช้กับหน้านะคะ แรงมากหน้าจะลอกค่ะ ใครเป็นผื่นคัน 
หรือช่วงนั้แพ้อะไรก็ใช้ได้ค่ะ ราคาน่ารักมากด้วย ใช้ได้นานทีเดียว 
บางทีอีฟออกงาน ทาแป้งทั้งตัว ก็ต้องพึ่งเจ้านี่ไม่งั้นสิวขึ้นเห่อค่ะ 

วิธีใช้ : ทาแล้วทิ้งไว้ตามตัวพักนึงแล้วค่อยล้างออกค่ะ ให้ยามันทำปฏิกิริยาหน่อย 

เน้น : ลดสิวตามตัวและแผ่นหลัง, ทำความสะอาด

LUSH Soap Bar 350-450 บาท ต่อก้อน (ไม่มีขายในเมืองไทย)

อีฟเคยรีวิวถึง LUSH กันไปแล้วว่ามันดียังไง ในบทความเก่าๆ ของอีฟ 
ซึ่งสามารถไปหาอ่านกันได้นะคะ สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่าน 
โดยมีทั้ง สบู่ ครีม และสครับ ซึ่งอีฟได้รีวิวไปแล้วใน Part 1 

ใช้ LUSH ไม่ต้องใช้ครีมทาผิวเพิ่มเติม
ใช้ LUSH ไม่มีสารเคมี แอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม 
ใช้ LUSH ไม่มีผสมไขมันสัตว์ 


เป็น handmade cosmetics จากธรรมชาติล้วนๆ ซึ่งเหมาะมากๆ 
กับคนที่แพ้นู่นแพ้นี่เว่อๆ อย่างอีฟ ใครอยากได้รายละเอียด 
บทความด้านล่างนี้ ละเอียดยิบถึงใจแน่นอนค่ะ 

{Review} LUSH Cosmetics เคล็ดลับตัวหอมผิวนิ่มแบบไร้สารเคมีชนิดที่ซื้อแล้วซื้ออีก! (Part 1)
เน้น : ทำความสะอาด, ผิวชุ่มชิ้นโดนไม่ต้องทาครีมเพิ่ม, ไม่ผสมสารเคมี, ออแกนิค

Soap & Glory : Scrub 'Em And Leave 'Em Body Buff ราคา 400 กว่าบาท 
อีฟไม่ชัวร์ราคานะคะ ประมาณ 300-400 กว่าบาท 
อีฟจะซื้อช่วงโปรแล้วจะขนทีเยอะๆ ตลอด ฮี่ๆ เม็ดสครับหยาบ 
บางคนบอกเจ็บผิว แต่อีฟชอบค่ะ ขัดแล้วรู้สึกผิวมันนุ่ม
อีฟมีสครับทุกตัวของ soap & glory แต่ตัวนี้รักที่สุดแล้ว 
หอมมากกกกกกกกกกกกกกกกกก คือเคยลงทุน เททั้งกระปุก ตีลงอ่างให้ละลาย
แล้วทำเป็นน้ำสปา คือแช่เลยค่ะ กลิ่นมันหอมจริงๆ (ลองทำดูกันดูได้)

เน้น : ผลัดเซลล์ผิว, ผิวเนียนนุ่ม

เม็ดสครับสีชมพูสวยน่ารักเลยค่ะ กลิ่นก็หอมมากๆ
Boots : expert acne back spray ราคา 150 บาท

สเปรย์ฉีดหลังสำหรับคนเป็นสิวทีหลังค่ะ ชอบที่ขนาดมันพกพาง่ายมาก 
ตัวนี้อีฟ ใช้คู่กับ Oxe'Cure Body Wash pH 5.5 ค่ะ ถ้าวันไหนใช้
อาบน้ำเช็ดตัวเสร็จก็เอาเจ้านี่ ฉีดทีหลัง หรือบริเวณที่เป็น (ห้ามฉีดหน้าน้า)
แล้วก็ปล่อยให้แห้งก่อนใส่เสื้อผ้าค่ะ แค่นั้นเอง ยุบลงในหนึ่งวันเลยล่ะ 

เน้น : ลดการเกิดสิว, ลดสิวอักเสบ 

Watsons : H Bella Protect & Nourish Hand Cream 
Strawberry & Cinnamon ราคา 110 บาท 

ใช้ hand cream หลายราคา แพงๆ มาก็มาก ก็ยังติดเจ้าตัวนี้ค่ะ รักที่สุด 
ตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยน package ไปแล้วอีฟไม่แน่ใจ กลิ่นหอมมากๆ ค่ะ 
สตรอเบอร์รี่ผสมชินนามอน แล้วคือไม่เหนียวมือเลย ซึมซับเร็ว 
ทาเสร็จไปทำอะไรต่อได้เลย ไม่ต้องกลัวเหนอะหนะอ่ะ คือรักเลย 

เน้น : บำรุงผิวมือ, มือเนียนนุ่ม

Vaseline (จำราคาไม่ได้ค่ะ)
ตัวนี้คงไม่ต้องบอกกันมาก ทุกคนแทบจะมีติดบ้านนะอีฟว่า 
ครีมสารพัดประโยชน์ โดยเฉพาะหน้าหนาว ตรงไหนแห้งแตกก็ทากันเข้าไป

วิตามิน

สำหรับคนไม่ชอบทานวิตามินแบบอีฟ วิตามินพวกนี้เป็นหนึ่งทางเลือกค่ะ 
และอีฟก็ทานสม่ำเสมอมาตลอด 3 ตัวหลักที่อีฟทาน คือ... 

VitaFusion : Power C 
VitaFusion : MultiVites 
VitaFusion : Calcium 


อีฟจำราคาไม่ได้นะคะว่ากี่เหรียญแต่คิดว่าเงินไทยตกประมาณกระปุกะ 1000 บาท 
บางตัวก็ถูกกว่า มันคือ วิตามินแบบกัมมี่ค่ะ คือรสผลไม้ เอาเข้าปาก เคี้ยว แล้วจบ 
ง่ายใช่ไหมคะ เวลานั่นก็ใส่ตู้ไว้ เอาออกมาเคี้ยวหนึบๆ ค่ะ ที่อีฟเลือกทานก็มี...
Power C คือ วิตามินซี ที่ช่วยเรื่องผิวขาว ผิวใสนั่นเอง 
(คนรอยแดงที่หน้าเยอะไม่แนะนำวิตซีนะคะ) ตัวกัมมี่สีส้มค่ะ 
เป็นรูปชิ้นส้ม ทานแค่วันละ 1 ชิ้นก่อนนอนทุกวัน 
(ในหนึ่งชิ้นมีวิตซีเยอะนะคะเห็นแบบนี้)
MultiVites คือ วิตามินบีรวมค่ะ อันนี้อีฟทานเพราะไม่ชอบทานผัก 
เลยต้องทานตัวนี้ คนปกติทาน 1 ชิ้น อีฟจะทาน 2 ชิ้นทุกวันก่อนนอนค่ะ 
รสผลไม้ กัมมี่เม็ดกลมๆ ปนกันหลายรส
Calcium นะคะ คือแคลเซี่ยมเลย ทานเพื่อกระดูกและฟัน 
ทาน 2 ชิ้นทุกเช้าค่ะ เยลลี่จะสี่เหลี่ยมลูกเต๋า เคลือบน้ำตาล 
อีกชนิดที่อีฟเลือกทานมาได้ครึ่งปีคือตัว Fiber Well ค่ะ 
จะมีสูตรแบบไฟเบอร์ธรรมดา และสูตร Weight Management 
ซึ่งอีฟทานแบบหลังบ่อยกว่า ที่ต้องทานส่วนนึงเพื่อการทำงานของลำไส้
และระบบขับถ่ายที่ดีขึ้นด้วยค่ะ
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น Vitafusion เค้ายังมีอีกหลายสิบชนิดค่ะ
สำหรับกัมมี่วิตามินแบบนี้ให้เลือกทาน สนใจเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของเค้ากันได้
เมืองไทยไม่มีขายนะคะ ต้องพรีออเดอร์จากอเมริกา 

คนถามว่าจะได้คุณค่าทางอาหารเหรอ? 
มันไม่เท่าการทานผัก ผลไม้ มันไม่เท่ากันทานวิตามินอัดเม็ด 
แต่...มันเป็นอีกหนทางของคนทานยายาก หรือช่วยให้ทานง่ายขึ้นค่ะ 
ที่อีฟทานเป็นสำหรับผู้ใหญ่ เค้าจะมีแยกต่างหากสำหรับเด็กด้วยค่ะ
GNC : Melatonin 1 

เป็นวิตามินที่ช่วยให้หลับสบาย คือวางใต้ลิ้นแล้วหลับตา ผลอยหลับได้ใน 15 นาที 
รสเชอร์รี่ค่ะ เม็ดเล็ก ราคาอีฟไม่ทราบแน่ชัดเพราะคนซื้อให้มาไม่บอกกล่าว 
ไปสิงคโปร์กลับมา พี่ท่านก็โยนให้สองขวด ขวดที่สองเพิ่งจะเปิดเองค่ะ 
เพราะพวกนี้อีฟไม่ได้ใช้ทุกวัน แค่วันที่เพลียๆ หรือหลับยากเท่านั้น 
อีฟไม่แน่ใจว่าตอนนี้นำเข้ามาไทยหรือยัง ไว้จะถามให้แล้วมากระซิบบอกค่ะ

อีฟตัดประเด็นเรื่องชาออกให้แล้วกันเนอะ
เพราะบางคนก็โอเคที่จะดื่ม บางคนก็ไม่ และอีฟคงทำให้ถูกใจทุกคนไม่ได้ด้วย
ก็เอาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ Skincare กับ Vitamin ไปก็คงเพียงพอ
ขอบคุณทุกคอมเม้นค้าบ
:)
หมดแล้วค่ะ สำหรับมหกรรม skincare และ ผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ 
ที่อีฟกำลังใช้งานอยู่ตอนนี้ และใช้มาต่อเนื่อง มากกว่า 50 ชิ้น
เรียกได้ว่าจัดเต็มทุกรายละเอียดกันไปเลย 
ทุกชิ้นอีฟใช้งานจริงนะคะ รับรองถึงผลหลังการใช้ว่าโอเคกับผิว

หวังว่าคงตอบโจทย์และช่วยหลายๆ คนในการตัดสินใจเลือกใช้ครีมได้มากขึ้นค่ะ
อีฟตั้งใจทำมาก และทุกๆ แบรนด์ก็มีดีจริงๆ หวังว่าเพื่อนๆ จะชอบ
ผิดพลาดประการใด หรือมีคำถามเพิ่มเติมไปโยนบอมที่เพจได้ตลอดค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุก Support มากๆ ค่ะ 
เป็นกำลังใจให้สาวๆ ผิวดีกันทุกคนฮะ สู้ๆ <3