วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

FORREST GUMP

ฟอร์เรสต์ กัมป์ ยำใหญ่ประวัติศาสตร์อเมริกาช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
เรื่องเริ่มต้นที่ตัวเอกมานั่งรอรถเมล์ที่ป้าย แล้วพยายามเอ่ยปากชวนคนที่นั่งใกล้ๆ พูดคุยอย่างเรื่อยเจื้อย แล้วจึงเริ่มเล่าเรื่องชีวิตตนเองตั้งแต่วัยเด็ก เกิดและเติบโตที่รัฐอาลาบามา ได้ชื่อฟอเรสต์ กัมป์ที่พ้องกันกับชื่อของนายพลนาทาน ฟอเรสต์สมาชิกคลูคลักแคลน การเป็นเด็กขาพิการต้องดามเหล็กไว้ เกือบไม่ได้เข้าโรงเรียนเพราะไอคิวต่ำ ถูกรังแกจากเพื่อนๆ ร่วมชั้นจนกระทั่งได้มารู้จักและสนิทกับเจนนี่เด็กหญิงผู้ให้ความเอื้ออารีแก่เขา
กัมป์ได้พบกับเอลวิสในช่วงที่ยังไม่โด่งดังที่บ้านของเขาซึ่งได้ทำเป็นโรงแรมให้คนเช่า กัมป์ขยับเต้นไปตามจังหวะดนตรีของเอลวิส แล้วจึงกลายเป็นต้นแบบท่าเต้นโยกและคลึงของเอลวิส แล้ววันหนึ่งเขาก็วิ่งได้อย่างปาฏิหาริย์จากการพยายามวิ่งหนีเพื่อนๆ ที่ขี่จักรยานไล่ล่าเขา
 
กัมป์ในวัยเด็กกับเอลวิส
เมื่อเติบโตขึ้น เขาจึงเป็นนักวิ่งที่เร็วที่สุดในตำบลจนได้เป็นนักอเมริกันฟุตบอล ได้สัมผัสมือกับประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ แล้วได้ค้นพบความลับของผู้นำว่าพัวพันกับมาริลิน มอนโรจากรูปถ่ายของเธอที่ตั้งอยู่ในห้องน้ำของท่าน
กัมป์กับประธานาธิบดีเคเนดี้
กัมป์ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยอาลาบาม่า แล้ววันหนึ่ง ได้มีนักศึกษาผิวดำได้เข้าเรียนท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของกองทหาร กัมป์ได้เก็บหนังสือที่เธอทำตกแล้วยื่นให้ด้วยประสาซื่อโดยไม่รู้ว่า สถานการณ์ขณะนั้นคับขันแค่ไหน
เมื่อเรียนจบ เขาได้ถูกเกณฑ์เป็นทหารและได้เพื่อนคู่หูผิวดำชื่อบั๊บบ้าผู้มีความฝันจะทำมาหากินกับกุ้ง จากนั้นเขาถูกส่งไปเวียดนาม มีผู้บังคับบัญชาที่นิยมทหารและบรรพบุรุษได้เสียชีวิตไปในสงครามประกาศเอกราช สงครามกลางเมือง สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 มีประสบการณ์อันสาหัสแบบเดียวกับทหารอเมริกันคนอื่นๆ ในเวียดนาม บั๊บบ้าต้องตายจากการจู่โจมของข้าศึก กัมป์ได้ช่วยเหลือเพื่อนๆ มากมายและได้รับเหรียญกล้าหาญ ได้พบและจับมือกับประธานาธิบดีจอห์นสัน
รับเหรียญกล้าหาญจากประธานาธิบดีจอห์นสัน
กัมป์ได้สัมผัสกับบรรยากาศการชุมนุมของบุปผาชนกับเจนนี่ในช่วงกลับบ้าน ได้กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับสงครามเวียดนามต่อหน้าฝูงชนซึ่งไม่มีใครรู้ว่าต่อต้านหรือสนับสนุนสงคราม
กัมป์กับบรรยากาศงานบุปผาชน
กัมป์ได้ฝึกฝนตีปิงปองจนเก่งถึงขั้นเซียน แล้วโชว์ลีลาจนคนในโรงพยาบาลไม่ได้สนใจการถ่ายทอดสดเหตุการณ์ที่มนุษย์อวกาศคนแรกเหยียบดวงจันทร์ จากนั้น จึงเป็นทีมชาติไปแข่งขันปิงปองเชื่อมสัมพันธ์กับประเทศจีนในช่วงการเปิดสัมพันธ์ใหม่ๆ
กัมป์เข้าร่วมการแข่งขันปิงปองในประเทศจีน
กัมป์ได้พบกับประธานาธิบดีนิกสัน และเกิดพัวพันกับคดีวอร์เตอร์เกตเพราะตัวเองพักอยู่ในโรงแรมเดียวกันแต่ตนละปีก ออกทีวีร่วมกับจอห์นเลนนอน จากนั้น จึงออกจากราชการทหารไปเป็นกัปตันเรือหากุ้งกับผู้หมวดขาพิการที่เขาได้ช่วยชีวิตไว้ในสงครามร่วมกันทำมาหาเลี้ยงชีพจนร่ำรวย แล้วซื้อบริษัทแอปเปิ้ลมาดำเนินกิจการเพราะเข้าใจว่าเป็นบริษัทจำหน่ายผลไม้ จากนั้น จึงปล่อยให้ผู้หมวดแดนดูแลกิจการแทนแล้วเขาก็เป็นหุ้นส่วนรับเงินกลับไปใช้ชีวิตแบบสมถะและบำเพ็ญประโยชน์ที่บ้านเกิดหลังจากแม่ตายไปแล้ว
เจนนี่กลับมาหากัมป์อีกครั้ง ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันสั้นๆ ก่อนจะหนีจากไปอีก ด้วยความเหงา กัมป์จึงออกวิ่งและวิ่งข้ามฝั่งอเมริกาอยู่ 3 ปีมีคนวิ่งตามขบวนเป็นจำนวนมาก จนนึกขึ้นได้ว่าเหนื่อยและเบื่อจึงเลิกวิ่งซะเฉยๆ
กัมป์กับประธานาธิบดีนิกสัน

กัมป์พบกับแม่เป็นครั้งสุดท้าย
ในวันที่ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนถูกลอบยิง กัมป์ได้รับจดหมายจากเจนนี่นัดให้ไปพบ เขาจึงมารอขึ้นรถเมล์แล้วไปหาเธอและได้พบว่าเธอมีลูกและบอกว่าเป็นลูกของเขา เจนนี่ขอร้องให้กัมป์แต่งงาน เขาตกลง ทั้งคู่อยู่ร่วมกันระยะสั้นๆ ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเพราะโรคติดเชื้อชนิดใหม่ที่ยังไม่มียารักษา กัมป์ดูแลลูกน้อยด้วยความรัก ความเอ็นดูต่อมา
กัมป์กับเจนนี่
กัมป์กับลูกน้อย
ฟอร์เรสต์ กัมป์เป็นภาพยนตร์แนวดราม่า ผสมจินตนาการแฟนตาซีที่อิงประวัติศาสตร์อเมริกาช่วงหลังสงครามโลกแบบหลวมๆ ในลักษณะเมดเลย์ที่ชนะใจคนอเมริกันและคนชาติอื่นๆ ทั่วโลกมาแล้วตั้งแต่ออกฉาย ตัวหนังได้อิงกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์และสังคมในด้านต่างๆ ของอเมริกาช่วงทศวรรษ 50- 80 ต้นๆ อย่างละนิดอย่างละหน่อยโดยผ่านมุมมองและความคิดของคนไอคิวต่ำแบบกัมป์ นับตั้งแต่การขยับแข้งขาของเด็กขาพิการอย่างกัมป์ได้กลายเป็นต้นกำเนิดท่าเต้นโยกและคลึง (Elvis pelvis) ของนักร้องที่เป็นตำนานอย่างเอลวิส, การได้ทักทายนักศึกษามหาวิทยาลัยผิวดำซึ่งเข้าชั้นเรียนวันแรกในมหาวิทยาลัยอาลาบามา ท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียด เพราะจอร์จ วอลเลซผู้ว่าการรัฐสั่งห้ามไม่ให้คนผิวดำเข้าเรียน เคนเนดี้จึงสั่งกองทหารมาทำการรักษาความปลอดภัยของกองทหารเพื่อสร้างความเท่าเทียมของคนดำ, การได้พบปะและเกี่ยวพันเล็กๆ น้อยๆ กับประธานาธิบดี 3 คน (จอห์น เอฟ เคนเนดี้, ลินดอน บี จอห์นสัน, ริชาร์ด นิกสัน), การได้มีส่วนร่วมในสงครามเวียดนามจนได้เป็นวีรบุรุษในฝัน (การได้ช่วยเหลือเพื่อนทหารที่บาดเจ็บในสงครามเป็นวีรกรรมที่คนอเมริกันนิยมชมชอบมากกว่าการได้ประหัตประหารข้าศึก), ได้สังเกตการณ์และมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของกลุ่มบุปผาชนซึ่งอ้างอิงบรรยากาศแบบวู้ดสต็อก, การได้เป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมสัมพันธ์กับประเทศจีนในระยะเริ่มต้นด้วยกีฬาปิงปอง, ได้ออกทีวีกับจอห์น เลนนอน นักร้องนักดนตรีผู้เป็นตำนาน, ได้พัวพันกับคดีวอเตอร์เกตที่พลิกประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกา และเหตุการณ์อื่นๆ ที่ไม่สลักสำคัญมากมายนัก คนอเมริกันเองที่อายุ 50-60 ปี พอได้ดูหนังเรื่องนี้ก็คงร้องอ๋อและเข้าใจเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อเมริกาที่กัมป์ได้เกี่ยวข้อง แต่คนไทยเราคงต้องศึกษาให้ลึกสักหน่อย จึงจะเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดในหนังได้
จุดเด่นอีกอย่างของหนังเรื่องนี้นอกจากการตีบทที่แตกละเอียดของทอม แฮงค์และตัวละครอื่นๆ แล้ว ก็คือการใช้เทคนิคแต่งภาพและสร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์ที่ทำให้กัมป์สามารถโลดแล่นไปบนภาพประวัติศาสตร์ต่างๆ ได้อย่างสมจริง เนรมิตรให้กัมป์เป็นอัจฉริยะด้านปิงปอง สร้างภาพให้ผู้หมวดแดนขาด้วนจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นของจริง ซึ่งนับได้ว่าเป็นแม่แบบของการใช้เทคนิคแต่งภาพตัวละครให้มีบุคลิกเป็นไปตามบทบาทได้อย่างน่าอัศจรรย์ นอกเหนือจากการกำกับศิลป์ (การแต่งหน้า แต่งตัวตัวละคร และการตกแต่งฉาก) ทั่วๆ ไป
กัมป์, บั๊บบ้า และผู้หมวดแดน ในสงครามเวียดนาม
อีกประการ หนังเรื่องนี้มีการล้อเลียนหนังบางเรื่องโดยพลิกเรื่องให้เป็นตรงข้ามกัน เช่น พลาทูน (Platoon) ตัวเอกบอกว่าทหารในหน่วยล้วนแต่เป็นคนที่สังคมไม่ต้องการ พวกหัวไม้ กรรมกร คนนอกคอก มาจากเมืองที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ฉากเวียดนามในหนัง กัมป์กลับบอกว่าเพื่อนๆ ทหารของเขาล้วนแต่เป็นคนดีๆ จากสังคมที่ดี และมาจากเมืองสำคัญๆ ของเมริกา ฉากฝึกทหารในค่ายที่ดูเหมือนจะล้อเลียนหนังเรื่อง เกิดเพื่อฆ่า (Full metal Jacket) ที่ครูฝึกผิวหมึกทำทุกวิถีทางเพื่อขับเอาสัญชาตญาณดิบในตัวทหารทุกๆ คนออกมา แต่ไม่ได้ผลสำหรับตัวของกัมป์
สรุปได้ว่า หนังเรื่องฟอเรสต์ กัมป์ ได้ใช้เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์และสังคมของอเมริกาเป็นตัวเสริมเรื่องราวและสีสันของหนังมากกว่าการเดินเรื่อง ซึ่งคนอเมริกันหลายคนรวมทั้งคนไทยบางส่วนได้ดูแล้วคงมีอาการอมยิ้ม ประทับใจ ถวิลหา จนถึงขมขื่น เจ็บปวด ต้องการจะลืมเรื่องราวในประวัติศาสตร์เหล่านั้น แต่ก็ทำได้สบายๆ เป็นกันเอง ไม่ซีเรียสจนเกินไป และยังแทรกปรัชญาความรักของพระเจ้าต่อมนุษย์แบบคริสต์ศาสนาและบุคลิกความใสซื่อแบบอเมริกันดั้งเดิมในเรื่องผ่านทางพฤติกรรมของกัมป์ที่มีต่อคนรอบข้างทั้งเจนนี่ บั๊บบ้า ผู้หมวดแดน และคนอื่นๆ ใครก็ตามที่นิยมความเป็นอเมริกันก็จะเพิ่มความนิยมเข้าไปอีก สำหรับคนเกลียดความเป็นอเมริกันก็คงจะคลายความเกลียดลงและมองเห็นแง่ดีของความเป็นอเมริกันมากขึ้น

คำพูดสำคัญในภาพยนตร์
  • "Life is like a box of chocolates you never know what you're gonna get."
    ชีวิตก็เหมือนกับช็อกโกเลตน่ะแหละ คุณไม่มีทางรู้ว่าอะไรจนกว่าคุณจะเปิดมัน
    (คำพูดที่แม่สอนกัมป์ และกัมป์ได้บอกแก่คนอื่นๆ ที่รอรถเมล์อยู่ด้วยกัน)
  • "Stupid is as stupid does"
    คนโง่ก็ทำอะไรแบบโง่ๆ
    (คำพูดที่กัมป์ใช้อธิบายเหตุผลแก่คนอื่นๆ เมื่อเขาทำอะไรไร้เหตุผล)
  • "We were like peas and carrots, Jenny and I"เราต่างก็เหมือนกับปาท่องโก๋(คำพูดที่กัมป์รำพึงรำพันความรู้สึกที่มีต่อเจนนี่)
  • "I'm not a smart man, but I know what love is."ผมไม่ใช่คนฉลาด แต่ผมรู้ว่าความรักคืออะไร
    (คำพูดที่กัมป์บอกความในใจต่อเจนนี่)
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด  หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Forest Gump
ชื่อภาษาไทย : อัจฉริยะปัญญานิ่ม
ผู้สร้าง : Charles Newirth
ผู้กำกับ : Robert Zemekis
ผู้เขียนบท : Fric Roth
นิยายดั้งเดิม : Winston Groom
ผู้แสดง
  • Tom Hanks.................................. Forrest Gump
  • Robin Wright.................................Jenny Curran
  • Gary Sinise...................................Lt. Dan Taylor
  • Mykelti Williamson............................Bubba Blue
  • Michael Conner Humphreys...........Young Forrest
  • Sally Field..........................................Mrs. Gump
สาระเพิ่มเติมที่ควรอ่าน

1 ความคิดเห็น:

  1. Look at the way my partner Wesley Virgin's autobiography starts with this SHOCKING and controversial VIDEO.

    As a matter of fact, Wesley was in the military-and shortly after leaving-he revealed hidden, "MIND CONTROL" tactics that the CIA and others used to get whatever they want.

    These are the EXACT same SECRETS lots of famous people (especially those who "come out of nowhere") and the greatest business people used to become rich and famous.

    You've heard that you use less than 10% of your brain.

    Mostly, that's because most of your brain's power is UNCONSCIOUS.

    Perhaps that expression has even occurred IN YOUR very own head... as it did in my good friend Wesley Virgin's head around 7 years ago, while driving a non-registered, beat-up garbage bucket of a vehicle with a suspended driver's license and in his bank account.

    "I'm very frustrated with living check to check! When will I finally make it?"

    You took part in those questions, isn't it right?

    Your own success story is waiting to start. All you need is to believe in YOURSELF.

    Watch Wesley Virgin's Video Now!

    ตอบลบ